หุ้นไทยวันนี้ (21 ต.ค.64) ปิดการซื้อขาย +5.87 จุด


โดย PPTV Online

เผยแพร่




หุ้นไทยวันนี้ (21 ต.ค.64) ปิดการซื้อขาย +5.87 จุด ที่ระดับ 1,643.42 จุด มูลค่าการซื้อขาย 71,285.02 ล้านบาท

หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่

ส่อง 5 ทำเลตามแนวรถไฟฟ้า "ราคาที่ดินเปล่าเพิ่มขึ้นสูงสุด"

เปิดมาตรการ "ผ่อนคลายหลักเกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อบ้าน" กู้ได้เต็ม 100%

KBANK มูลค่าการซื้อขาย 3,096.53 ล้านบาท ปิดที่ 141.50 บาท ลดลง 1.00 บาท

BBL มูลค่าการซื้อขาย 2,050.67 ล้านบาท ปิดที่ 122.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท

PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,798.32 ล้านบาท ปิดที่ 40.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท

BANPU มูลค่าการซื้อขาย 1,643.95 ล้านบาท ปิดที่ 12.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท

SPALI มูลค่าการซื้อขาย 1,546.85 ล้านบาท ปิดที่ 21.60 บาท เพิ่มขึ้น 1.20 บาท

หุ้นไทยวันนี้ (21 ต.ค.64)ปิดภาคเช้า +3.35 จุด ที่ระดับ 1,640.90 จุด มูลค่าการซื้อขาย 37,156.85 ล้านบาท

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ์ นักกลยุทธ์การลงทุน บล.เมย์แบงก์กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งแคบแต่ยังยืนในแดนบวกได้ แม้วอลุ่มเทรดโดยรวมจะบางก่อนที่จะหยุดหลายวัน ทั้งนี้หลัก ๆ มาจากแรงเก็งกำไรหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่ปรับตัวขึ้นได้ดีทีเดียว ตอบรับการปลดล็อกมาตรการ LTV ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ได้ประกาศผ่อนคลายมาตรการ LTV สำหรับสินเชื่อที่อยู่อาศัยมาเป็น 100% ถึงสิ้นปี 65 ซึ่งเป็นการสร้าง Surprise ให้กับตลาดฯ

นอกจากนี้ ยังมีแรงเก็งกำไรหุ้นในกลุ่มไฟแนนซ์ หลังจากที่งบฯของกลุ่มแบงก์ออกมาแล้วพบว่ามีรายได้จากหลักทรัพย์ทำได้ค่อนข้างดี ทำให้มีการเก็งกำไรกลุ่มหลักทรัพย์ไปด้วย แต่ก็มีแรงขายบ้างจากหุ้นในกลุ่มโรงพยาบาลขนาดกลาง และกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งลักษณะการเล่นเป็นการเล่นตามปัจจัยเฉพาะกลุ่ม ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียวันนี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบสลับกัน ขณะที่ตลาดในยุโรปเทรดบ่ายนี้ติดลบราว 0.3%

แนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์หน้า นายวิจิตร กล่าวว่า ตลาดฯคงจะแกว่งตัวในกรอบ โดยดัชนีฯมีโอกาสที่จะแกว่ง Sideway ถึง Sideway up จากแรงเก็งกำไรตามงบฯแต่ละตัว และเศรษฐกิจค่อย ๆ ฟื้นตัว โดยให้แนวรับ 1,630 จุด ส่วนแนวต้าน 1,660 จุด

พร้อมให้ติดตามความชัดเจนการเปิดประเทศ และการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในกลุ่ม Real Sector ส่วนนอกประเทศให้ติดตามการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) และการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 28 ต.ค.นี้ โดยใหัจับตาทิศทางเศรษฐกิจ และอัตราดอกเบี้ย

 

หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่

คลัสเตอร์ รพ.มหาราชลาม โควิดเมืองคอนพุ่ง เชียงใหม่ปิดตลาดวโรรส ชายอเมริกันดับ แม้ฉีดโมเดอร์นา 2 เข็ม

WHO เตือนวิกฤตโควิดอาจลากยาวถึงปี 2022

KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,966.59 ล้านบาท ปิดที่ 143.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท

BBL      มูลค่าการซื้อขาย 1,575.12 ล้านบาท ปิดที่ 122.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท

SPALI    มูลค่าการซื้อขาย 1,079.61 ล้านบาท ปิดที่ 21.20 บาท เพิ่มขึ้น 0.80 บาท

LH       มูลค่าการซื้อขาย    965.35 ล้านบาท  ปิดที่    8.35 บาท เพิ่มขึ้น 0.15 บาท

BANPU  มูลค่าการซื้อขาย    860.61 ล้านบาท  ปิดที่   12.40 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท

นายพิชัย เลิศสุพงศ์กิจ รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาด บล.ธนชาต กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งย่ำฐานค่อนข้างจะเงียบ ไม่ค่อยตอบรับกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ และการเปิดประเทศเท่าใดนัก ทั้งที่มองเป็นบวก แต่การพักตัวก็เป็นโอกาสที่จะซื้อสะสมได้ โดยมองเป้าดัชนี SET ในช่วงปลายปีนี้ไว้ที่ 1,700 จุด

ขณะที่ผลประกอบการงวดไตรมาส 3/64 ของบริษัทจดทะเบียนในต่างประเทศส่วนใหญ่ออกมาดีเกินคาด ทำให้ S&P500 ยังบวกได้อย่างต่อเนื่อง และราคาน้ำมันก็ยังอยู่ในระดับสูง ส่วนบ้านเรามองข้ามไปงบไตรมาส 3/64 ไปแล้วเพราะน่าจะเป็นจุดต่ำสุดจากผลกระทบการล็อกดาวน์

อย่างไรก็ดี เช้านี้ตลาดบ้านเรายังได้แรงหนุนจากหุ้นในกลุ่มแบงก์หลังจากผลประกอบการออกมาดี นำโดย KBANK ดีเกินคาดจากตั้งสำรองฯลดลง และการควบคุมค่าใช้จ่าย อีกทั้งมองกลุ่มแบงก์ได้ประโยชน์จากมุมมองเศรษฐกิจฟื้นตัว และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่วนหุ้นในกลุ่มพลังงานต้นน้ำ ได้รับผลบวกจากราคาน้ำมันทรงตัวสูง อย่างหุ้น PTT, PTTEP ด้านราคาถ่านหิน และก๊าซ ก็ยังทรงตัวสูงด้วยเช่นกัน รวมไปถึงหุ้น Domestic play ได้ประโยชน์จากกำลังซื้อที่จะเพิ่มขึ้นจากมาตรการของภาครัฐฯ โดยหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคภายในประเทศก็ยังซื้อได้เมื่อราคาย่อตัวลง

ทั้งนี้ วอลุ่มเทรดของตลาดโดยรวมเริ่มเห็นการแผ่วลงตั้งแต่เมื่อวานนี้ที่มีวอลุ่มไม่ถึง 68,000 ล้านบาท จากปกติเทรดวันละเกือบ 9 หมื่นล้านบาท ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะติดวันหยุดต่อเนื่องด้วย อย่างไรก็ดีให้ติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของกลุ่มแบงก์ต่อไป ซึ่งก็มี SCB, BBL ที่ยังไม่ประกาศออกมา และสัปดาห์หน้าก็จะเป็นการทยอยประกาศผลประกอบการกลุ่ม Real Sector ที่จะเริ่มทยอยออกมาในช่วงปลายสัปดาห์

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบในกรอบแคบ

หุ้นไทยวันนี้ (21 ต.ค.64) เปิดบวก +4.72    จุด คาดว่าจะฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง  จากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนทั้งในต่างประเทศและในประเทศต่างก็ออกมาดี รวมถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในประเทศดีขึ้น  

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงเช้าวันนี้คาดว่าจะฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง  จากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนทั้งในต่างประเทศและในประเทศต่างก็ออกมาดี รวมถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในประเทศดีขึ้น  จากจำนวนผู้ติดเชื้อลดระดับลง และจะมีการเปิดประเทศด้วย ส่งผลให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนมีมากขึ้นช่วยกระตุ้นแรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติ

อุตุฯเตือน เตรียมรับมือฝนตกอีกระลอก 21 - 23 ต.ค. ก่อนเข้าสู่ฤดูหนาว

กองทุนซื้อขายล่วงหน้าดันบิทคอยน์ทุบสถิติ

นอกจากนี้ Sentiment สินทรัพย์เสี่ยงลงทุนได้ในระยะสั้น

พร้อมให้แนวรับ 1,630-1,632 ถัดไป 1,625 จุด ส่วนแนวต้าน 1,640-1,650 จุด

 

สถานการณ์อื่นๆ 

ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (20 ต.ค.)ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,609.34 จุด เพิ่มขึ้น 152.03 จุด (+0.43%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,536.19 จุด เพิ่มขึ้น 16.56 จุด (+0.37%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,121.68 จุด ลดลง 7.41 จุด (-0.05%)

ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 102.81 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 5.83 จุด และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 3.05 จุด

ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (20 ต.ค.) ปิด 83.87 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 91 เซนต์ หรือ 1.1%

ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (20 ต.ค.) อยู่ที่ 8.01 ดอลลาร์/บาร์เรล

เงินบาทเปิด 33.38 ยังไร้ปัจจัยใหม่ คาดกรอบวันนี้ 33.25 - 33.45

TOP เศรษฐกิจ
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ