โค้งสุดท้ายปลายปี 2564 ที่เหล่ามนุษย์เงินเดือน ต้องเตรียมความพร้อม สำหรับการบริหารจัดการด้านภาษี เพื่อเก็บออมเงินและช่วยลดหย่อนภาษีไปด้วยในตัว ดังนั้นกองทุนรวม SSF และ RMF จึงเป็นคำตอบที่เหล่ามนุษย์เดือนหลายคนต้องเร่งมองหา คือกองทุนที่เหมาะกับเงินในกระเป๋า และ ลงทุนระยะยาวโดยได้ผลตอบแทนกลับมามากกว่าเพียงเพื่อลดหย่อนภาษี
ก่อนอื่นเรามารู้จักกองทุนแต่ละกองกันอีกครั้ง
รัฐบาล ตั้งกองทุนเพื่อการออมรูปแบบใหม่ " SSF" แทน "LTF" ชูลดหย่อยภาษีสูงสุด 30%
เช็กด่วน! ฐานการเสียภาษีและวิธีลดหย่อนภาษี
กองทุน SSF ย่อมาจากคำว่า “Super Savings Fund” เป็นกองทุนน้องใหม่ที่เพิ่งเริ่มใช้เมื่อต้นปี 2563เน้นการออมระยะยาวและเป็นตัวช่วยในการลดหย่อนภาษีที่มาแทนกองทุนรวมหุ้นระยะยาวหรือ LTF ที่หมดอายุไปเมื่อปี 2562
เหมาะกับผู้เริ่มต้นวัยทำงานเพื่อเป็นแรงจูงใจในการออมเงินระยะยาว โดยเงินที่ผู้ลงทุนจ่ายเป็นค่าซื้อหน่วยลงทุน SSF จะได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยมีเงื่อนไขในการลงทุน คือ
1. ซื้อได้ไม่เกิน 30% ของรายได้ และต้องไม่เกิน 200,000 บาท
2. ต้องถือครองไม่น้อยกว่า 10 ปี นับจากวันที่ซื้อ (นับแบบวันชนวัน)
3. ปีที่ใช้สิทธิลดหย่อนภาษี ได้เป็นระยะเวลา 5 ปี (ปี 2563 - 2567)
4. ไม่มีจำนวนเงินขั้นต่ำในการซื้อ และไม่ต้องซื้อต่อเนื่องทุกปี
SSF มีข้อแตกต่างจาก RMF คือ
SSF ถือหน่วยลงทุน 10 ปีนับจากวันที่ซื้อ
RMF ถือหน่วยจนอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ และถือหน่วยลงทุนมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี จึงจะขายได้
RMF ลงทุนสูงสุดไม่เกิน 30% ของเงินได้ แต่ไม่เกิน 500,000 บาท
RMF คืออะไร
RMF ย่อมาจาก Retirement Mutual Fund หรือ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ เป็นกองทุนรวมที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อสนับสนุนให้คนไทยเก็บออมระยะยาวเพื่อเอาไว้ใช้จ่ายในยามเกษียณอายุ คล้ายๆ กับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident Fund) ของเอกชน และกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ของข้าราชการ
เหมาะสำหรับคนทุกที่ต้องการออมเงินเพื่อวัยเกษียณ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ประกอบวิชาชีพอิสระ ซึ่งไม่มีสวัสดิการออมเงินเพื่อวัยเกษียณ ลูกจ้างหรือพนักงาน ที่นายจ้างและลูกจ้างยังไม่พร้อมใจที่จะจัดให้มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ทำให้ลูกจ้างไม่สามารถสะสมเงินลงทุนเพื่อวัยเกษียณได้
กองทุน SSF และ RMF นับเป็นอีกตัวช่วยสำหรับคนที่อยากลงทุนและได้รับสิทธิลดหย่อนภาษีไปพร้อมๆ กัน ซึ่งมีให้เลือกมากมายหลายกอง พีพีทีวีออนไลน์ รวบรวมประเด็นคำถามที่หลายคนใช้ประกอบการตัดสินใจ โดยสังเขป
ประเด็นแรก คือ ปันผลหรือไม่ปันผลดีกว่ากัน ข้อดีของการเอาแบบไม่ปันผล คือ ไม่ต้องจ่ายภาษีปันผล ราวๆ 10% หากเลือก SFF ส่วนข้อดีของการเลือกกองทุนแบบปันผล คือ ได้เงินกลับคืนมาก่อนส่วนหนึ่ง เพราะเราต้องถือครอง SSF นานถึง 10 ปี กว่าจะได้เงินคืน
การเลือกลงทุนในกองทุน เราควรจะเลือกลงทุนในกองทุนที่ลงทุนในไทยหรือลงทุนต่างประเทศ ต้องพิจารณาตัวเองก่อนว่า เรามีพอร์ตหุ้น หรือ ลงทุนในหุ้นไทยอยู่แล้วหรือไม่ ถ้าใช่ ก็แนะนำให้กระจายความเสี่ยงไปลงต่างประเทศด้วย เพราะมีการลงทุนที่ค่อนข้างหลากหลาย
เรามาลองดูข้อเสนอที่กองทุนแต่ละแห่งนำเสนอ
ที่แรก หลักทรัพย์จัดการกองทุนกสิกรไทย นำเสนอ K-CHANGE-SSF ลงทุนหุ้นบริษัทที่สร้างประโยชน์ (Positive Impact) ใน 4 ด้าน สิ่งแวดล้อม การแพทย์ การศึกษา ความเท่าเทียมทางสังคม เน้นหุ้นกลุ่มธุรกิจที่มาแรงตามเทรนด์โลก เช่น กลุ่มการแพทย์ ตอบโจทย์เทรนด์สังคมสูงวัย
เพิ่มโอกาสเติบโตในระยะยาว เช่น MODERNA บริษัทคิดค้นและผลิตยา Biotechnology สัญชาติอเมริกัน มีความเชี่ยวชาญในเทคโนโลยี messenger DNA (mRNA) ที่ใช้ในการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 และ DEXCOM บริษัทสหรัฐฯ ผู้ผลิตคิดค้นอุปกรณ์ตรวจจับระดับน้ำตาลในเลือด (เบาหวาน) โดยไม่ต้องเจาะเลือด ไม่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล
เหมาะสำหรับลงทุนเพื่อสะสมเงินลงทุนระยะยาว
กองทุน K-GINCOME-SSF กองทุนผสมทั่วโลกหนึ่งเดียวที่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล กระจายลงทุนหลากหลายสินทรัพย์ทั่วโลกกว่า 2,500 ตัว เน้นสินทรัพย์ที่จ่ายผลตอบแทนสม่ำเสมอ จึงสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในทุกสภาวะตลาด มีนโยบายจ่ายปันผล ปีละไม่เกิน 4 ครั้ง
(จ่ายครั้งที่ 1 : 0.20 บาท/หน่วย)
กองทุน K-2035-RMF เหมาะสำหรับผู้ที่อยากเกษียณปี ค.ศ. 2035 มีผู้เชี่ยวชาญปรับลดสัดส่วนจากสินทรัพย์เสี่ยงสูงไปสินทรัพย์เสี่ยงต่ำให้อัตโนมัติ
บลจ.ไทยพาณิชย์ นำเสนอ 3 กองทุน SFF SCBLT1-SSF กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวปันผล 70/30 (ชนิดเพื่อการออม) ระดับความเสี่ยง: 6 ความเสี่ยงสูง
จุดเด่นกองทุน เป็นกองทุนผสมในประเทศโดยเน้นการลงทุนในหุ้นที่มีนโยบายหรือมีการจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ ประมาณ 65-70% ส่วนที่เหลือกระจายลงทุนในตราสารหนี้
เหมาะสำหรับ: ผู้ที่รับความผันผวนระหว่างทางได้ และ ต้องการเพิ่มผลตอบแทนระยะยาวจากการลงทุนส่วนใหญ่ (ประมาณ 70%) ในหุ้นไทยที่มีนโยบายหรือมีการจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ
SCBLEQ-SSF กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ หุ้น LOW VOLATILITY (ชนิดเพื่อการออม)
ระดับความเสี่ยง: 6 ความเสี่ยงสูง จุดเด่นกองทุนคัดเลือกหุ้นทั่วโลกจากปัจจัยพื้นฐานพร้อมทั้งมีความผันผวนที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยตลาดโดยรวม
เหมาะสำหรับ: ผู้ที่รับความผันผวนระหว่างทางได้ และต้องการลงทุนในหุ้นทั่วโลก โดยเน้นลงทุนในหุ้นที่มีความผันผวนที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดโดยรวม
SCBSE-SSF กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ ซีเล็คท์ อิควิตี้ ฟันด์ (ชนิดเพื่อการออม)
ระดับความเสี่ยง: 6 ความเสี่ยงสูง จุดเด่นกองทุน คัดเลือกหุ้นไทยที่น่าสนใจในแต่ละช่วงเวลา โดยลงทุนในหุ้นไม่เกิน 30 หลักทรัพย์
เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการลงทุนในหุ้นไทย โดยมีผู้จัดการกองทุนคอยคัดเลือกหุ้นให้ในแต่ละช่วงเวลา
บลจ.กรุงศรี แนะนำ KFCLIMASSF / KFCLIMARMF จุดเด่นกองทุน เน้นการลงทุนในธุรกิจที่ได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ มีการนำเทคโนโลยีมาช่วย “ลด” ผลกระทบ หรือ “ปรับ” รูปแบบธุรกิจให้สามารถเติบโตท่ามกลางภาวะ Climate Change
กระจายลงทุนในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น พลังงานทดแทน เทคโนโลยีลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ การบริหารจัดการน้ำ การเกษตรยุคใหม่ที่ทนทานต่อสภาพอากาศ หรือผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพ เช่น เครื่องฟอกอากาศ การป้องกัน/รักษาโรคภูมิแพ้
นโยบายการลงทุน ลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศ DWS Invest ESG Climate Tech
ระดับความเสี่ยง 6 - เสี่ยงสูง
KFGGSSF / KFGGRMF จุดเด่นกองทุนพอร์ตลงทุนที่รวมเฉพาะหุ้นเติบโตแห่งทศวรรษจากทั่วโลกมาไว้ในกองทุนเดียว
กลยุทธ์คัดสรรหุ้นบริษัทที่มีศักยภาพเติบโตโดดเด่นจากตลาด โดยไม่ยึดติดกับภูมิภาค อุตสาหกรรม หรือหุ้นในดัชนี แต่จะลงทุนตามเทรนด์การเติบโตในระยะยาว เช่น กลุ่มธุรกิจสื่อออนไลน์ Digital Healthcare การค้าปลีกยุคใหม่ (E-commerce) Software
นโยบายลงทุน ลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศ Baillie Gifford Worldwide Long Term Global Growth Fund ซึ่งได้ Morningstar 5 ดาว
ราคาทองวันนี้ – 23 พ.ย. 64 ปรับราคา 8 ครั้ง ทั้งวันร่วงลงไป 550 บาท
กสทช.ตั้งคณะทำงานติดตามอภิมหาดีล "ทรู-ดีแทค" นักวิชาการมองอาจไม่ผูกขาด
ระดับความเสี่ยง 6 - เสี่ยงสูง
“พัคชินฮเย – ชเวแทจุน” เตรียมวิวาห์ปีหน้า เผยข่าวดีตั้งครรภ์ลูกคนแรก
ที่มา
https://www.setinvestnow.com/th/mutualfund/ssf-rmf-tax-saving-investments
https://www.finnomena.com/z-admin/ssf/