นายพีรวัฒน์ วงศ์สิงห์ อดีตผู้จัดการผับแห่งหนึ่ง กล่าวว่า ปัจจุบันนี้หากประเมินตามสถานการณ์ตอนนี้ ในพื้นที่กรุงเทพประชาชนในพื้นที่มีภูมิคุ้มกันหมู่แล้ว รวมถึงการที่รัฐบาลอนุญาตให้ร้านอาหารกึ่งผับในกทม.ที่มีสัญลักษณ์ SHA สามารถขายเครื่อมดื่มแอลกฮอล์ได้นั้นทำให้ในช่วงนี้จะพบว่า ร้านอาหารกึ่งผับบางแห่งการรวมกลุ่มกิจกรรมของคนจำนวนมากไม่ต่างจาก สถานบริการ หรือ ผับ
“วอล์คกิ้ง สตรีท หรือ เมืองร้าง” 1 ปี 10 เดือน แสงสีที่หายไปจากพัทยา
กทม.ยืนยันไม่ผ่อนปรนกิจการ-กิจกรรมเพิ่ม
นายพีรวัฒน์ รู้สึกว่า การให้อนุญาตสถานประกอบการของรัฐบาลมีความเหลื่อมล้ำ จึงอยากให้ทบทวนการเปิดกิจการต่างๆ ด้วยการพิจารณาของลักษณะของกิจกรรมและมาตรการที่ร้านนั้นๆปฏิบัติมากกว่าดูที่ใบอนุญาต
สำหรับความแตกต่างของ “ร้านอาหารกึ่งผับ”ที่สามารถเปิดบริการได้แล้ว และ “ผับ หรือสถานบริการ” ที่ยังไม่สามารถเปิดให้บริการได้ ตรวจสอบไปยัง กรมอนามัยจะพบว่า ข้อแตกต่างจะมีเรื่องของการขออนุญาตที่เอกสารเอกสารที่ “ผับ หรือสถานบริการ” จะมีความยุ่งยาก และขออนุญาตเยอะกว่า และเวลาในการขายเครื่องดื่มและปิดร้าน ผับ ก็สามารถเปิดได้ดึกกว่า ซึ่งแต่ละพื้นที่จะขึ้นอยู่กับท้องถิ่นในการให้อนุญาตซึ่งหากพิจารณาความแตกต่างของ 2 ธุรกิจนี้ ผู้ประกอบการผับบาร์ย้ำว่า อยากให้รัฐบาลพิจารณาที่มาตรการของร้าน มากกว่าใบอนุญาต
ส่วน สถานบันเทิง Brick Bar ย่านถนนข้าวสาร เป็นสถานประกอบการ ตาม พ.ร.บ.สถานบริการ ประเภท 4 ที่มีพื้นที่เต้นรำ มีอาหาร สุรา ผู้บริหารที่นี่แนะนำทาง ศบค. อยากให้ลงมาดูพื้นที่ และเร่งบอกข้อปฏิบัติต่อสถานบันเทิง เพราะแม้ทางร้านจะไม่ได้เปิดเร็วๆนี้ แต่ก็อยากให้รัฐบาลวางแนวทางให้ชัดเจน เพราะหากถึงเวลาที่เหมาะสมทางร้านจะได้ไม่ต้องเปิด-ปิดหลายรอบ
ส่วนประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุขวันนี้ ที่ประชุมได้หารือเรื่องการปรับแนวทางปฏิบัติสำหรับผู้ที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยตามแผนเปิดประเทศระยะที่ 2 ระหว่างวันที่ 1-31 ธ.ค.นี้ โดยจะเริ่มรับนักท่องเที่ยวโดยไม่ต้องกักตัว หากมีเอกสารยืนยันการฉีดวัคซีนโควิด-19 และมีการตรวจหาเชื้อตามเงื่อนไข และปรับจากการตรวจ RT-PCR เป็น ATK เมื่อมาถึงประเทศ ซึ่งในเบื้องต้นจะเริ่มบังคับใช้กับนักท่องเที่ยว 63 ประเทศที่สามารถเข้ามาในประเทศไทยได้ตามรูปแบบ Test & Go
ด้าน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า มติที่ประชุมฯ เห็นชอบงดการกักตัวในกลุ่มนักท่องเที่ยว โดยยังให้มีผลรับรองการฉีดวัคซีนครบตามโดสและมีการตรวจ RT-PCR ก่อนจากประเทศต้นทาง โดยคาดว่าจะเริ่มใช้ในวันที่ 16 ธ.ค. 2564 ซึ่งจะเสนอ ศบค.ชุดใหญ่พิจารณาให้ความเห็นชอบในวันที่ 26 พ.ย.นี้