หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
เช็ก นทท.เข้าไทยจากทวีปแอฟริกา 782 ราย มาจากไหนบ้าง เร่งตามสกัดโอไมครอน
นายกฯ เตรียมมอบบ้านเคหะฯโครงการบ้านเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อย
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 3,948.77 ล้านบาท ปิดที่ 134.00 บาท ลดลง 1.00 บาท
SCB มูลค่าการซื้อขาย 2,441.62 ล้านบาท ปิดที่ 124.00 บาท ลดลง 2.00 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,254.56 ล้านบาท ปิดที่ 37.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 1,953.81 ล้านบาท ปิดที่ 212.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
AOT มูลค่าการซื้อขาย 1,950.35 ล้านบาท ปิดที่ 59.50 บาท ลดลง 0.50 บาท
นายชัยยศ จิวางกูร ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรี กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ผันผวน ท่ามกลางเผชิญแรงขายเพื่อลดความเสี่ยงจากเรื่องของเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์โอไมครอน หลังจากที่มีข่าวสหรัฐฯพบผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนรายแรก ทำให้นักลงทุนเกิดความวิตกกังวล และระหว่างเทรดดัชนีฯก็ยังไม่สามารถผ่านแนว 1,590 จุดขึ้นไปได้ ทำให้ตลาดฯเกิดการพักตัว และวอลุ่มเทรดโดยรวมวันนี้ก็ลดลงด้วย
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียวันนี้เคลื่อนไนหวทั้งในแดนบวก-ลบ ขณะที่ตลาดในยุโรปเทรดบ่ายนี้ส่วนใหญ่จะติดลบกัน ส่วนดาวโจนส์ฟิวเจอร์สบวกราว 200 จุด โดยยังต้องติดตามเรื่องของเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์โอไมครอนเป็นหลัก รวมถึงพัฒนาการของวัคซีนด้วย และวันนี้ก็ให้ติดตามการประชุมกลุ่มโอเปกพลัส ซึ่งคาดว่าจะชะลอการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน หลังจากที่ผ่านมาราคาน้ำมันปรับตัวลง และยังต้องเผชิญกับเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนอีก
แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (3 ธ.ค.) นายชัยยศ กล่าวว่า ตลาดฯยังมีโอกาสพักตัว พร้อมให้แนวรับ 1,575 จุด ส่วนแนวต้าน 1,600 จุด
หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
คปภ.สั่งเดอะวันประกันภัยหยุดรับลูกค้าใหม่
ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ เปิดลงทะเบียนฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น “ไฟเซอร์-โมเดอร์นา” เริ่ม 3 ธ.ค.นี้
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,498.97 ล้านบาท ปิดที่ 133.50 บาท ลดลง 1.50 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,497.29 ล้านบาท ปิดที่ 37.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท
AOT มูลค่าการซื้อขาย 1,211.60 ล้านบาท ปิดที่ 59.25 บาท ลดลง 0.75 บาท
EA มูลค่าการซื้อขาย 1,037.32 ล้านบาท ปิดที่ 81.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท
SABUY มูลค่าการซื้อขาย 1,002.83 ล้านบาท ปิดที่ 17.60 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่ง Sideway ถึง Sideway Down โดยยังเห็นการปรับฐานอยู่ ทำให้ดัชนีฯอาจจะปรับขึ้นเหนือระดับ 1,600 จุดได้ยาก ซึ่งขณะนี้ต่างก็รอดูความคืบหน้าของไวรัสโควิดสายพันธุ์โอไมครอน ว่าจะมีการแพร่ระบาดมากแค่ไหน บ้านเราจะมีการพบเชื้อตัวนี้หรือไม่ และวัคซีนต้านโควิดจะป้องกันได้แค่ไหน ซึ่งปัจจัยดังกล่าวนี้เป็นปัจจัยหลักที่ต่างรอดูความคืบหน้ากัน อีกทั้งยังรอดูปัจจัยใหม่เข้ามาหนุนด้วย
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ พร้อมให้ติดตามการประชุมกลุ่มโอเปกพลัสในวันนี้ และยังต้องติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิดสายพันธุ์โอไมครอนด้วย
แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ นายวีระวัฒน์ กล่าวว่า ตลาดฯคงจะยังแกว่งไซด์เวย์ โดยมีแนวรับ 1,575-1,580 จุด ส่วนแนวต้าน 1,590 จุด
หุ้นไทยวันนี้ ( 2 ธ.ค.64) พร้อมกลยุทธ์ลงทุน คาดว่าจะผันผวน โดยอาจปรับตัวลงก่อนเด้งกลับ
นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.กรุงไทย ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะผันผวน โดยอาจปรับตัวลงก่อนเด้งกลับ เนื่องจากตลาดสหรัฐฯพลิกเป็นลบหลังจากพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนรายแรกในสหรัฐ วิตกอาจต้องนำมาตรการควบคุมออกมาใช้ และไทยยังต้องเร่งติดตามผู้เดินทางมาจากแอฟริกามาตรวจหาเชื้อ อีกทั้งเวลานี้ก็ยังไม่รู้ว่าวัคซีนที่มีอยู่จะป้องกันได้หรือไม่
ราคาทองวันนี้ – 2 ธ.ค. 64 ปรับราคา 4 ครั้ง รูปพรรณบาทละ 28,950
ขึ้นค่าทางด่วน "ศรีรัช - วงแหวนรอบนอกกรุงเทพฯ" ราชกิจจาฯ ประกาศกำหนดอัตราใหม่ เริ่ม 15 ธ.ค.นี้
ส่วนธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เร่งปรับลดโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ตลาดฯรับรู้ไปล่วงหน้ามากแล้ว แต่ก็ยังถือเป็นอีกปัจจัยเสี่ยง ดังน้น คาดหุ้นกลุ่มเปิดเมืองที่เด้งขึ้นเมื่อวานนี้อาจกลับมาร่วงลงอีก
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาตเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยดาวโจนส์ฟิวเจอร์เช้านี้บวก และราคาน้ำมันเช้านี้ก็ปรับตัวขึ้นด้วย อย่างไรก็ดี แนะติดตามการประชุมกลุ่มโอเปกพลัสวันนี้คาดไม่ปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน และจับตาสถานการณ์ไวรัสโควิดโอไมครอนต่อไป
พร้อมให้แนวรับ 1,580-1,570 จุด ส่วนแนวต้าน 1,593-1,600 จุด
บล.ไทยพาณิชย์ ขอนำส่งบทวิเคราะห์ กลยุทธ์การลงทุน :
คาด SET เคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 1575-1600 จุด โดย Sentiment ลบ หลังสหรัฐพบผู้ติดเชื้อ Omicron รายแรกแล้ว สร้างความกังวล และติดตามสถานการณ์ในประเทศ หากพบผู้ติดเชื้อ จะเป็นปัจจัยกดดันดัชนี ทำให้มองกรอบบนยังจำกัด ส่วนกรอบล่าง หากต่ำกว่า 1575 จุด จะเป็นสัญญาณลบ และมีแนวรับถัดไปที่ 1555 จุด กลยุทธ์ ใช้บริเวณ 1,530 จุด แบ่งซื้อสะสมในสัดส่วน 25% ในกลุ่ม Global Reopening ซึ่งหากสถานการณ์คลี่คลายคาดว่าราคาจะฟื้นตัวได้ดี
ล็อคเป้าลงทุน:
> กลยุทธ์การลงทุน ยังคงแนะนำขาย/ลดพอร์ต เพื่อหลีกเลี่ยง Global Risk ทั้งโควิดกลายพันธุ์ Omicron และประธานเฟดส่งสัญญาณยุติ QE เร็วกว่าคาด โดยเฉพาะ 1) หุ้น Global และ Domestic Reopening อาทิ MINT ERW CENTEL AOT AAV BA TU BEM BTS BTSGIF และ 2) หุ้นที่ราคาปรับขึ้นมาแรงกว่า Pre-COVID มากแล้ว อาทิ COM7 SYNEX CPW ICHI DOHOME
> ทั้งนี้เรามองรอจังหวะซื้อกลับหรือเพิ่มน้ำหนักพอร์ตหลักเป็น 25% ภายใต้เงื่อนไขที่เกิดขึ้นอย่างใดอย่างหนึ่งดังนี้ 1) SET ลงมาแนวรับบริเวณ 1530 จุด 2) ทราบประสิทธิผลเชิงบวกชัดเจนของวัคซีนในการป้องกัน Omicron หรือ 3) เกิด Panic จากพบผู้ติดเชื้อ Omicron ในไทย
> Weekly Theme : เลือกหุ้นที่ได้ประโยชน์จากความกังวลสถานการณ์แพร่ระบาดของ Omicron แนะนำ STGT STA XO BCH CHG
> Daily Focus : Short TOP และ PTTGC คาดได้รับผลกระทบเชิงลบจากราคาน้ำมันที่ผันผวนสูงหลังกังวลการแพร่ระบาดไวรัส Omicron
สถานการณ์อื่นๆ
ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (1 ธ.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,022.04 จุด ลดลง 461.68 จุด (-1.34%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,513.04 จุด ลดลง 53.96 จุด (-1.18%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,254.05 จุด ลดลง 283.64 จุด (-1.83%)
ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 219.42 จุด หรือ -0.79%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 134.87 จุด หรือ -0.57% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 3.64 จุด หรือ -0.10%
ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ม.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (1 ธ.ค.) ปิดที่ระดับ 65.57 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 61 เซนต์ หรือ 0.9% ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (1 ธ.ค.) อยู่ที่ 3.39 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส.วินาศภัย จับตาโควิด “โอไมครอน” หวั่นยอดเครมพุ่ง ฉุดธุรกิจประกันทรุด
มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เชื่อ โอไมครอน ไม่กระทบกับบริษัทประกันปิดตัวเพิ่ม
เงินบาทเปิด 33.71/74 คาดกรอบวันนี้ 33.65-33.80 จับตาสถานการณ์โควิด-ตัวเลขจ้างงานสหรัฐ
