ข่าวแห่งปี 2564 : ปีแห่งการเทรด "เหรียญดิจิทัล" ฟีเวอร์
เจาะ"ภาษีคริปโต" พร้อมวิธีกรอกแบบการยื่นภาษี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการยื่นแบบภาษีเงินได้ในเดือนมีนาคม 2565 กรมสรรพากรมีช่องให้เลือกสำหรับผู้ที่มีกำไรจากการซื้อขาย "คริปโตเคอร์เรนซี" เพื่อให้ผู้เสียภาษีแสดงเงินได้ ซึ่งหากใครมีรายได้แล้วหลบเลี่ยงไม่ยอมยื่น ทางกรมมีระบบ data analytics เพื่อตรวจสอบข้อมูล รวมทั้งยังมีอำนาจในการออกหมายเรียกพยานเข้ามาให้ข้อมูลได้ ดังนั้นกรมสรรพากรขอให้นักเทรดคริปโต ดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย จะไม่ต้องมีภาระย้อนหลัง
นางสมหมาย ศิริอุดมเศรษฐ โฆษกกรมสรรพากร กระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ตามพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 ระบุว่าการซื้อขาย คริปโตเคอเรนซี และโทเคนดิจิทัล หากมีกำไรจะต้องเสียภาษีหัก ณ ที่จ่ายร้อยละ 15 ของกำไร และบุคคลที่มีเงินได้จากการซื้อขายคริปโตจะต้องยื่นแบบแสดงการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เป็นเงินได้ตามมาตรา 40(4) จัดอยู่ในหมวดของการลงทุนแบบเดียวกับ ดอกเบี้ยเงินฝาก ดอกเบี้ยเงินกู้ ซึ่งผู้จ่ายเงินได้มีหน้าที่ต้องเสียภาษี
ด้านนายนเรศ เหล่าพรรณราย เลขาธิการสมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลไทย มองว่า การเก็บภาษีคริปโตฯ อาจกระทบต่อผู้ลงทุนหน้าใหม่ที่จะลังเลใจในการเปิดพอร์ตลงทุน แต่สำหรับนักเทรดคริปโตฯมือเก่า ไม่กระทบ เพราะวิธีการบันทึกกำไร และ การจัดเก็บภาษีมีช่องโหว่เยอะ
“ถ้ามีการจัดเก็บภาษีคริปโต อย่างจริงจัง ก็น่าจะส่งผลต่อนักลงทุนหน้าใหม่ที่อาจจะลังเลในการเข้ามาในตลาดนี้ ครับ เพราะว่าประเด็นเรื่องของภาษีค่อนข้าง Sensitive ของนักลงทุนไทยอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นนักลงทุนหน้าเก่าอาจไม่กระทบมากนัก เพราะว่าส่วนใหญ่มีช่องทางในการไปลงทุนในตลาดต่างประเทศอยู่แล้ว ซึ่งต้องยอมรับว่ายังมีจุดบกพร่องในการติดตามการทำธุรกรรมอยู่พอสมควร” นายนเรศ กล่าว
สำหรับกรณีที่กรมสรรพากร เตรียมใช้ Data analytics ในการตรวจสอบนั้น นายนเรศ มองว่าทำได้ เนื่องจาก Exchange ในประเทศไทยมีหน้าที่ต้องส่งข้อมูลให้กับกรมสรรพากรอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็น Exchange จากต่างประเทศ ยังเชื่อว่า ยากในการดำเนินงาน