เงินเฟ้อเม.ย.พุ่ง 4.65% คาดปีนี้ "สินค้าแพงไม่มีลด" จ่อขึ้นราคาเพียบ
ร้านค้าบ่นอุบ ยอดขายร่วง เข้าสู่ยุคข้าวยากหมากแพง
บรรยากาศการจับจ่ายซื้อชุดนักเรียนช่วงวันเปิดเทอมปีนี้ เจ้าของร้านชุดนักเรียนบริเวณ ตลาดท่าน้ำนนท์ เปิดเผยว่า เงียบเหงามาก จะมีผู้ปกครองมาซื้อเฉพาะช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ บางคนก็เลือกซื้อชุดที่มีขนาดใหญ่กว่าตัวเด็กเล็กน้อย เพื่อจะเผื่อขนาดไว้ให้บุตรหลานสามารถใส่ได้ 2 ปี เพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่าย แต่ก็ถือว่ายังดีกว่าปีที่ผ่านมา เพราะปีก่อนขายของแทบไม่ได้ โรงเรียนปิดหมดเลยจนร้านต้องปิดไปหนึ่งเดือน
ส่วนต้นทุนปีนี้ปรับขึ้นมาอย่างละเล็กละน้อย ส่วนใหญ่ขายสินค้าจากสต็อกของที่มีอยู่ ซื้อสินค้าใหม่เข้าร้านเพียงเล็กน้อย
นอกจากนี้ร้านขายชุดนักเรียนจะเงียบเหงาแล้ว อีกหนึ่งอาชีพที่ได้รับผลกระทบเช่นกัน คือคนรับปักชื่อนักเรียน นางศรีปัญญา ชลายนาวิน ระบุว่า ปีนี้ผู้ปกครองหลายต่างประหยัดค่าใช้จ่ายลงไปมาก ด้วยสภาพเศรษฐกิจที่ไม่ดี ข้าวของทุกอย่างมันแพงไปหมด จึงไม่ค่อยมีชุดนักเรียนใหม่ ๆ ให้ปักเท่าไหร่ หลายคนเลือกเอาชุดเก่ามาเลาะเปลี่ยนข้อมูลลำดับชั้นเรียนแทน
นางสาวศศินันท์ ไทยประสิฐ เจ้าของร้านสมคิดอุปกรณ์การเรียน กล่าสชวว่า ต้นทุนกระเป๋านักเรียน อุปกรณ์การเรียนปีนี้เพิ่มขึ้นทุกอย่างเลย ต้นทุนเพิ่มมาใบละ 10-20 บาท แต่ทางร้านยังไม่ได้ปรับราคา เพราะเข้าใจดีว่าทุกคนลำบาก ทางร้านขายเองไม่ได้จ้างลูกน้อง ไม่มีค่าเช่าร้าน จึงลดกำไรลงมา แล้วพยุงราคาขายไปก่อน จากกำไรที่เคยได้ใบละ 20-30 บาท ก็ลดเหลือแค่ใบละ 5-10 บาท ถือว่าช่วยกันไปก่อนในช่วง 1-2 ปีนี้
ด้านจังหวัดบุรีรัมย์ พ่อแม่ผู้ปกครอง ต่างนำชุดนักเรียนเก่าของบุตรหลานและที่ได้รับบริจาคต่อมาจากญาติพี่น้องหรือรุ่นพี่ ไปซ่อม ปะ เย็บ ย่อ ขยาย และแก้ทรง ตามร้านตัดเย็บเสื้อผ้า ในเขตเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ที่มีมากกว่า 10 ร้านกันอย่างคึกคัก เพื่อเตรียมไว้ให้บุตรหลานสวมใส่ในช่วงเปิดภาคเรียน เป็นการประหยัดค่าใช้จ่าย เนื่องจากบางครอบครัวมีรายได้น้อยไม่เพียงพอที่จะไปซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้กับบุตรหลาน เพราะชุดนักเรียนใหม่จะมีราคาแพงเฉลี่ยชุดละตั้งแต่ 200 บาทขึ้นไป แต่ถ้านำชุดนักเรียนเก่ามาซ่อมจะเสียค่าตัดเย็บเพียงตัวละ 30-80 บาท ส่งผลให้ร้านตัดเย็บเสื้อผ้า ช่วงนี้มีรายได้ดีเฉลี่ยวันละ 2,000-3,000 บาท จากปกติจะมีรายได้เพียงวันละ 1,000 บาทเท่านั้น