ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มีวาระที่น่าสนใจในการสนับสนุนการใช้พลังงานไฟฟ้าในระบบการขนส่งทางเรือ การพัฒนาระบบคมนาคมที่ยั่งยืนและสอดคล้องกับพัฒนาการเทคโนโลยีในปัจจุบัน ลดปัญหามลพิษทางอากาศ และป้องกันรักษาสิ่งแวดล้อมทางน้ำเพื่อสุขภาพที่ดีของประชาชน
ครม.ใจป้ำ ให้รถไฟ กู้เงินบรรเทาการขาดสภาพคล่อง ปีงบฯ 66 กว่า 15,000 ล้าน
ครม.อนุมัติงบ 422 ล้านบาท จัด “พาณิชย์ ลดราคา” ช่วยบรรเทาค่าครองชีพ
โดยการ อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมใบอนุญาตใช้เรือ และยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตใช้เรือสำหรับเรือขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า
โดยมีสาระสำคัญในร่างกฎกระทรวง คือ
- การกำหนดยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตใช้เรือ สำหรับขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเป็นเวลา 5 ปี นับแต่วันที่เจ้าของเรือแจ้งเปลี่ยนแปลงชนิดของเครื่องยนต์เรือหรือปรับปรุงเครื่องยนต์เรือ
- เมื่อครบ 5 ปีแล้ว ให้เรียกเก็บค่าธรรมเนียมใบอนุญาตใช้เรือในอัตราครึ่งหนึ่ง (50%) ตามที่กำหนดไว้ เป็นเวลา 10 ปี
โดยกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมสำหรับใบอนุญาตใช้เรือพลังงานไฟฟ้าไว้ เช่น ขนาดไม่เกิน 10 ตันกรอส ให้คิดปีละ 100 บาท เกิน 10 ตันกรอสแต่ไม่เกิน 20 ตันกรอส คิดปีละ 150 บาท เกิน 5,000 ตันกรอสขึ้นไป คิดปีละ 1,600 บาท
ซึ่งในปัจจุบัน เรือขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าที่มีใบอนุญาตใช้เรือในปัจจุบันจำนวน 51 ลำ และเรือขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าที่คาดการณ์ว่าจะมาขอใบอนุญาตใช้เรือเพิ่มเติมในภายหลังออกกฎกระทรวงโดยเฉลี่ยขนาดไม่เกิน 80 ตันกรอส จำนวน 1,800 ลำ รวมจำนวน 1,851 ลำ
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า มาตรการดังกล่าวเมื่อมีการประมาณการรัฐจะสูญเสียรายได้ 15 ปีอยู่ที่ 9,221,100 บาท และสำหรับเรือที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าจะหมายถึง เรือที่ขับเคลื่อนตัวเรือให้เคลื่อนที่โดยใช้พลังงานจากแบตเตอรี่(Battery Electric Vessel)เท่านั้น
