นพ.ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา อดีตกรรมการ กสทช. เผยว่า มติที่ออกมาถือว่ามีผลตามกฎหมายแล้ว อย่างแรกคือ กสทช. ประกาศชัดว่าตนเองไม่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะห้ามไม่ให้ควบรวม แต่ไม่ใช่การเปิดไฟเขียวให้ควบรวมเสียทีเดียว เพราะเนื้อหาข้างในระบุไว้ว่า เป็นมาตรการก่อนการควบรวมธุรกิจ เช่น การจัดส่งแผนการควบรวมของทั้งสองบริษัทให้กับ กสทช.พิจารณาก่อน จึงต้องดูว่าเอกชนรับเงื่อนไขได้หรือไม่
แชมป์ไร้พ่าย "เอทีพี ไฟนอลส์" เตรียมรับเงินสุดในประวัติศาสตร์
เตรียมร้องศาลคุ้มครองฉุกเฉิน - ร้อง ป.ป.ช. ปมควบรวม ทรู-ดีแทค
ขณะที่ความเห็นนักวิชาการ นายสืบศักดิ์ สืบภักดี อาจารย์และนักวิชาการด้านโทรคมนาคม มองว่า ยังมีข้อกังวลในหลายข้อ โดยเฉพาะการห้ามใช้คลื่นร่วมกัน ห้ามใช้สถานีร่วมกัน และการคลุมแบรนด์ไว้ 3 ปี แต่เมื่อตัวข้อสรุปเบื้องต้นเมื่อวานนี้ออกมาจึงเป็นข้อสรุปตรงกลางระหว่างผู้บริโภคกับภาคเอกชน เพราะหากข้อสรุปตึงเกินไป ปฎิบัติไม่ได้ เอกชนเองก็อยู่ไม่ไหว ดังนั้นข้อสรุปต่างๆ ถือเป็นการสร้างความสบายใจให้แก้ผู้บริโภค
โดยการผ่านมติการควบรวมครั้งนี้ อาจารย์สืบศักดิ์ ระบุว่า ถือเป็นจุดร่วมที่ดีในการที่ กสทช. สามารถผ่านมติ รับรู้การควบรวมกิจการ เพราะหากนับเวลาเอกชนดำเนินการมาก็เป็นเดือนที่ 10 แล้ว เพื่อให้เอกชนมีทิศทางในการดำเนินกิจการต่อไปได้ วันนี้จึงเป็นสัญญาณที่ดี แต่ความยุ่งยากต่อจากนี้จะเกิดขึ้นแน่นอน เนื่องจากมีทั้งฝ่ายที่พอใจ ไม่พอใจ การดำเนินการกระบวนการยุติธรรมเกิดขึ้นแน่ในหลายส่วน หรือแม้แต่ในระยะยาวที่บอวก่าจะควบคุมให้เข้มข้นขึ้น ก็นับว่าเป็นสิ่งที่สังคมต้องจับตามองกันต่อไป และที่สำคัญหลังจากนี้ต้องดูการจัดตั้งคณะอนุกรรมการ การลงรายละเอียดของเนื้อหามาตรการต่างๆ มากกว่าเนื้อหาเพียง 4-5 หน้าที่ออกมา
ส่วนราคาหุ้นทรู และ ดีแทค ปรับตัวสูงขึ้น โดยราคาหุ้น ทรู เพิ่มขึ้น 5 สตางค์ หรือ 0.98% อยู่ที่ 5.15 บาทส่วนดีแทค ราคาขึ้น 50 สตางค์ อยู่ที่ 46.50 บาท
กสทช. มีมติเสียงข้างมาก ไฟเขียวควบรวม ทรู- ดีแทค
"ทิพานัน" อวย "บิ๊กตู่" คือ “มรดกแห่งความเจริญรุ่งเรือง” สร้างประโยชน์ทุกมิติให้กับประชาชน