นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ประเด็นแรงงานไทยในเกาหลีใต้ กระทรวงแรงงานรายงานว่า ได้ขอเพิ่มโควตาการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานในประเทศเกาหลีใต้ในปี 2566 ทั้ง 3 กลุ่ม คือ
อัปเดต! บัตรสวัสดิการแห่งรัฐเดือน ธ.ค. ใช้จ่ายอะไรได้บ้าง
น้ำมันโลกร่วงกว่า 1% หลังกลุ่ม G7 หั่นราคารัสเซีย จับตาประชุมโอเปกพลัส
กลุ่มแรก วีซ่าทำงานประเภท E-9 (แรงงานทั่วไป) ที่จัดส่งตามระบบการจ้างแรงงานต่างชาติ (EPS) ขอเพิ่มโควตาจาก เดิมที่เคยจัดส่งไปปีละ 2,500 คน เป็น 5,000 คน
กลุ่มที่ 2 วีซ่าทำงานประเภท E-7 (แรงงานประเภททักษะ/แรงงานฝีมือ) ไปทำงานสาขาช่างเชื่อม ช่างทาสี ในอุตสาหกรรมอู่ต่อเรือ จำนวน 5,000 คน
กลุ่มที่ 3 วีซ่าทำงานประเภท E-8 (แรงงานเกษตรตามฤดูกาล) จำนวน 5,000 คน
รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 15,000 คน จากเดิม 2,500 คน
การจัดส่งแรงงานไปทำงานต่างประเทศจะเป็นโอกาสยกระดับเพิ่มทักษะฝีมือแรงงาน ทำให้คนไทยมีงานทำ นำรายได้กลับมาพัฒนาประเทศ เพราะตลาดแรงงานต่างชาติในสาธารณรัฐเกาหลี นับว่าเป็นตลาดแรงงานที่มีศักยภาพและเป็นตลาดที่น่าสนใจ เนื่องจากแรงงานต่างชาติได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายเทียบเท่าคนในชาติ รวมทั้งอัตราค่าจ้างแรงงานค่อนข้างสูง ทำให้มีแรงงานไทยจำนวนมาก เดินทางไปทำงานอย่างไรก็ตาม ข้อมูลในเดือน กรกฎาคม ปี 2565 มีจำนวนแรงงานไทยสะสม อยู่ในเกาหลี เป็นจำนวนถึง 12,950 คน
ส่วนการแก้ไขปัญหาแรงงานผิดกฎหมาย ในช่วงสัปดาห์การจัดการประชุมเอเปค 2022 ของไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานได้มีโอกาสหารือกับนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐเกาหลี จึงได้ข้อสรุปเรื่องการเพิ่มโควตาแรงงานไทยในประเทศเกาหลี ซึ่งจะมีส่วนสำคัญในการเพิ่มรายได้ของแรงงานไทย ยกระดับคุณภาพชีวิตของแรงงานและครอบครัว พัฒนาทักษะและประสบการณ์ ที่จะสามารถนำมาพัฒนาศักยภาพของตนเอง และของประเทศไทยได้