เศรษฐกิจไทยปี 66 คาดโต 3.0-3.5% ต่ำกว่าในอาเซียน เหตุส่งออกเริ่มแผ่ว


โดย PPTV Online

เผยแพร่




คาดการณ์เศรษฐกิจไทย ปี 66 โต 3.0-3.5% น้อยกว่าประเทศในอาเซียน คณะกรรมการร่วมเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) มองว่าเศรษฐกิจไทยต้องพึ่งพาการท่องเที่ยวเป็นหลัก เนื่องจากภาคส่งออกเริ่มชะลอตัวตามแนวโน้มเศรษฐกิจโลก อาจทำให้ฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่

เศรษฐกิจไทยปีหน้า "ฟื้นช้าและไม่ทั่วถึง" แม้ท่องเที่ยวกลับมา

กกร.ค้านขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท เงินเดือนปริญญาตรี 25,000

ในปี 2566 เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัวต่อเนื่องจากภาวะการเงินที่ตึงตัว และวิกฤตเงินเฟ้อ โดยเขตเศรษฐกิจหลักเผชิญความเสี่ยงที่แตกต่างกัน สหรัฐฯ เศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัวแต่อาจไม่เกิดภาวะถดถอยเนื่องจากตลาดแรงงานยังแข็งแกร่ง ขณะที่ยุโรปจะได้รับผลกระทบหนักสุดจากวิกฤตพลังงานจึงมีโอกาสสูงที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอย ส่วนจีนที่กลับมาประสบปัญหาการแพร่ระบาดระลอกใหม่รวมถึงการต่อต้านมาตรการล็อกดาวน์อาจซ้ำเติมเศรษฐกิจจีนที่อยู่ในช่วงชะลอตัวจากปัญหาภาคอสังหาริมทรัพย์

คณะกรรมการร่วมเอกชน 3 สถาบัน  (กกร.) มองว่า เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวในปี 2566 มีแรงหนุนจากเครื่องยนต์เดียว คือ ภาคการท่องเที่ยว 66 คาดจะมีต่างชาติเข้ามากว่า 20 ล้านคน  จึงฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่ และยังมีสัญญาณของความเปราะบาง ท่ามกลางการส่งออกมีแนวโน้มชะลอตัว

ทั้งนี้เศรษฐกิจยังมีสัญญาณของความเปราะบางที่สะท้อนให้เห็น เช่น สินเชื่อที่ถูกจัดชั้นว่ามีความเสี่ยงด้านเครดิตเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญนั้นมีสัดส่วนที่สูงขึ้น และผู้ประกอบการขนาดเล็กที่ยังมีการค้างชำระเป็นสัดส่วนสูงแม้จะพ้นช่วงโควิด-19 มาแล้ว นอกจากนี้ เครื่องยนต์เดียวอาจมีแรงส่งไม่เพียงพอ ในภาวะที่ธุรกิจมีแรงกดดันจากภาวะต้นทุนจากค่าไฟ ค่าแรง และวัตถุดิบ

ขณะเดียวกันยังมีผลกระทบจากการปรับนโยบายเศรษฐกิจสู่ภาวะปกติ ของธนาคารแห่งประเทศไทย โดยเฉพาะการปรับค่าธรรมเนียม กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) ตั้งแต่ ม.ค. 2566 ซึ่งเป็นต้นทุนสำคัญของระบบการเงิน และอาจจะทำให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ปรับสูงขึ้นได้ถึง 0.4-0.6% ในคราวเดียว

ขณะที่ กกร. คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยปี 2566 มีแนวโน้มขยายตัว 3.0-3.5% ซึ่งจะเป็นอัตราการเติบโตที่น้อยกว่าประเทศคู่เทียบในภูมิภาคอาเซียนอย่างมาเลเซีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ขณะที่การส่งออกจะชะลอตัวตามแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอลง คาดว่าจะขยายตัวในกรอบ 1.0%-2.0% ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปคาดว่าจะอยู่ในกรอบ 2.7-3.2%

 

สำหรับเศรษฐกิจไทยในปี 2565 ยังขยายตัวสอดคล้องกับกรอบการประมาณการที่เคยคาดไว้ จากอานิสงส์ของการส่งออกในช่วง 9 เดือนแรก และตามการปรับตัวดีขึ้นของภาคการท่องเที่ยวและอุปสงค์ภายในประเทศ โดยที่ประชุม กกร. คาดว่าเศรษฐกิจไทยปี 2565 จะขยายตัวได้ 3.2% ขณะที่มูลค่าการส่งออกจะขยายตัวได้ 7.25% และอัตราเงินเฟ้อทั่วไปคาดว่าอยู่ที่ 6.2%

 

ด้านทิศทางดอกเบี้ย ในปี 2565 ธปท.ปรับขึ้นจาก 0.5% เป็น 1.25% และมีแนวโน้มจะปรับขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปในปี 2566 ที่ประชุม กกร. ประเมินว่ าเป็นทิศทางที่สอดคล้องกับเศรษฐกิจที่ทยอยฟื้นตัว และมีความจำเป็นเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง

 

คอนเทนต์แนะนำ
ดีเอสไอ จับแก๊งขุดบิตคอยน์ ขโมยไฟหลวง 2 ปี โกยเงินกว่า 100 ล้าน
ตารางฟุตบอลโลก 2022 รอบ 8 ทีม ศุกร์ที่ 9 ธ.ค. ช่องดูบอลสดและอัปเดตผลบอลโลก

 

นอกจากนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยจะมีการปรับขึ้นค่าธรรมเนียม FIDF กลับสู่ระดับปกติที่ 0.46% ในคราวเดียว ตั้งแต่ ม.ค. 2566 ทำให้ต้นทุนในระบบธนาคารพาณิชย์เพิ่มขึ้นราว 4 หมื่นล้านบาท ซึ่งการส่งผ่านนโยบายดังกล่าวจะเกิดขึ้นโดยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารพาณิชย์ ดังนั้น การปรับนโยบายเศรษฐกิจสู่ภาวะปกติจะส่งผลให้ภาคครัวเรือนและธุรกิจมีต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้นในระยะข้างหน้า

อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลของเครดิตบูโรพบว่า ณ เดือนกันยายน 2565 มีลูกหนี้รายย่อยที่ประสบปัญหาในการชำระหนี้เกิน 90 วัน  จากผลกระทบจากโควิด-19 อยู่ราว 3.2 ล้านราย โดยในจำนวนนี้เป็นลูกหนี้ของธนาคารพาณิชย์ราว 4.24 แสนราย เพิ่มขึ้นจาก 2.75 แสนรายในเดือนมกราคม 2565  และยังพบว่าลูกหนี้ธุรกิจขนาดเล็กที่มีวงเงินไม่เกิน 20 ล้านบาท ประสบปัญหาในการชำระหนี้ 1 เดือนและ 2 เดือนขึ้นไป ยังคงเพิ่มขึ้น แม้โควิด-19 จะ คลี่คลายลงแล้ว

ทั้งนี้ระบบธนาคารพาณิชย์จึงยังมีการกันสำรองในระดับสูงเพื่อให้มั่นใจในความมีเสถียรภาพ ในขณะเดียวกันก็พร้อมให้ความช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางในช่วงการเปลี่ยนผ่าน และพร้อมสนับสนุนการปรับตัวที่จะนำไปสู่การฟื้นตัวได้อย่างยั่งยืน

PR-โปรแกรมผลบอล-2_B PR-โปรแกรมผลบอล-2_B
TOP เศรษฐกิจ
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ