เมื่อ 14 มี.ค. 2566 นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด หรือ BTS กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แจ้งข้อกล่าวหาการทำสัญญาจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย 3 เส้นทาง ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงาน หรือดำเนินการในกิจการของรัฐนั้น ระบุว่า ตนยังไม่รู้เลยว่าฮั้วประมูลกับใคร และจะไปตอบ ป.ป.ช. ได้อย่างไร
แล้วยังนำเอาเอกสารออกมาเผยแพร่ผ่านสื่อบางสื่อที่ใช้วิธีการเขียนด้วยตัวเลขใหญ่ ทำให้นักลงทุนเกิดการตกใจ จนวันจันทร์ที่ผ่านมาราคาหุ้นร่วงติดฟลอร์ แต่หลังจากเลิกตกใจกับข่าว ก็มีนักลงทุนกลับซื้อมาหุ้น ส่งผลให้มูลค่าการซื้อขายตลอดวันสูงอันดับสองของตลาด ยืนยันว่าจะเดินหน้าฟ้องดำเนินคดีกับผู้ที่ทำให้บริษัทเสียหาย
โดยตนเชื่อว่าเป็นความชั่วร้ายบางอย่างที่แอบซ่อนของคนบางกลุ่มที่ตั้งใจทำแบบนี้ ซึ่งตนก็จะไม่ยอมให้กับคนที่ทำผิดและโกงประเทศ
“รัฐบาลพยายามทำอะไรบ้างอย่าง ถือเป็นการกลั่นแกล้ง ผมชอบสู้ และเป็นคนที่ยอมไม่ได้ ถ้าคิดว่าไม่ถูกต้อง ผมก็สู้ ผมไม่เคยมีประวัติกระทำอะไรที่ไม่ถูกต้อง รับงานสัมปทานใหญ่ ๆ มาจำนวนมากแล้ว ที่ผ่านมา 30 กว่าปี เราได้ทำอะไรมาบ้าง ในด้านอสังหาฯก็ได้ทำโครงการที่ไม่เล็ก แต่จริง ๆ ผมสนใจในการทำโครงสร้างพื้นฐานเพื่อชาติ เพื่อประชาชน ทำไมผมกล้าพูดคำนี้ เพราะโครงสร้างพื้นฐานสิ่งที่ผมลงทุนไป ผมเชื่อว่าเป็นโครงการที่ดีและมีประโยชน์จริง ๆ กับต่อประเทศชาติ ประชาชน”
“เราไม่มีพฤติการณ์ในการฮั้ว และไม่จำเป็นต้องการฮั้ว ผมคิดว่า กทม.ในยุคนั้นได้ทำทุกอย่างมืออาชีพแล้ว เพราะเราก็มีกฎหมายมืออาชีพดูให้ทุกอย่างอยู่แล้วในการที่นายจ้างหรือผู้ที่จ้างด้วยจำนวนเงินมาก ไม่งั้นผมก็ไม่เซ็นสัญญาหรอก เพราะบริษัทเป็นมหาชน เราต้องรับผิดชอบกับผู้ถือหุ้นทุกคน”
ที่ผ่านมาส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าจากสถานีสะพานตากสิน บริษัทได้ช่วยเก็บค่าโดยสาร 15 บาท แล้วนำไปส่ง กทม.ให้ทุกวัน ไม่มีวันหยุดราชการ แต่ กทม.กลับบอกว่าสัญญานี้ไม่ปกติ ทั้งนี้บริษัทดำเนินการในยุคผู้ว่า กทม. มาแล้วหลายสมัย แต่กลับเพิ่งจะมีปัญหาในช่วงการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม อยากถามรัฐบาลว่ารู้ถึงความเดือนร้อนของเอกชนบ้างหรือไม่ แน่นอนว่าไม่อาจทำให้บริษัทอ่อนแอลงได้ แต่การที่มีรายจ่ายอย่างเดียวสักวันนหนึ่งก็จะมีปัญหาถ้าวันนั้นมาถึง ผู้ว่า กทม. และรัฐบาล จะต้องรับผิดชอบ พร้อมยืนยันว่าบริษัทฯจะจะเดินรถไฟฟ้าต่อไป และจะไม่นำผู้โดยสารมาเป็นตัวประกันแน่นอน
โดยส่วนตัวเรื่องนี้คิดว่าเริ่มจากที่ BTS ไปประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม แล้วก็เกิดการเปลี่ยนคิวกลางอากาศ จากนั้นรัฐมนตรีกระทระทรวงคมนาคม ก็แย้งเรื่องโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายมาตลอด ซึ่งก็ได้ใช้ ม.44 จัดการปัญหานี้สินดังกล่าวด้วยการต่อสัมปทาน เพื่อแก้ไขปัญหา แต่วันนี้สิ่งที่ตนต้องการคือให้รัฐบาลจ่ายเงินค่าเดินรถที่ค้างสะสมมากถึง 50,000 ล้านบาท ตนขอยืนยันว่าไม่มีการหยุดรถ จนกว่าจะทำต่อไม่ได้จริง ๆ เพราะรัฐบาลกำลังทำลายความสะดวกของชาวกรุงเทพมหานคร ทั้งผู้ว่า กทม. และผู้นำประเทศ
นายคีรี กล่าวถึงเรื่องโครงรถไฟฟ้าสายสีส้ม ระบุว่า ถ้าเปิดประมูลใหม่ ก็จะเป็นประโยชน์ของประชาชนจริง ๆ เพราะไม่ต้องจ่ายส่วนเกินจำนวนมาก แต่ถ้ารัฐบาลยังเดินหน้าต่อไป ก็คงเป็นหน้าที่ของประชาชน เพื่อมาดูว่ารัฐบาลกำลังทำอะไร และโกงหรือไม่ อย่างไรก็ตามเรื่องนี้กำลังอยู่ในการพิจาราณาของศาล ถ้าหากรัฐบาลยังคงเดินหน้าต่อ ตนก็จะเดินหน้าฟ้องต่อไป
ทั้งนี้เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ทางรัฐบาลได้การเปลี่ยน TOR และล้มประมูลโครงรถไฟฟ้าสายสีส้ม จากนั้นก็จัดทำ TOR ขึ้นมาใหม่ และทำให้ BTS ไม่สามารถเข้าร่วมประมูลได้ เพราะไม่ใช่ผู้รับเหมาตามข้อกำหนด TOR ทำให้โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มกลายมาเป็นโครงการของผู้รับเหมา แล้วราคาใหม่ก็สูงกว่าราคาเก่าหลายหมื่นล้าน
“บางครั้งผมอยากจะท้าประมูลใหม่ ราคาที่ได้มาจากชิโนไทยนั้นไปกับผมไม่ได้ แต่เชื่อว่าถ้าได้ราคาใหม่มา ถ้าเปิดกว้างให้ผู้รับเหมาใน-นอกประเทศมาประมูลกัน ผมว่าประเทศชาติจะเซฟค่าใช้จ่ายไปได้เยอะ”
ด้านพ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย ที่ปรึกษาประธานกรรมการ BTS ระบุว่า ทาง ป.ป.ช.ได้มีหนังสือแจ้งข้อกล่าวหามาแล้ว และบริษัทก็กำลังทำหนังสือตอบกลับไปที่ ป.ป.ช. เพื่อขอรายละเอียดเกี่ยวกับการแจ้งข้อหาที่ว่าสนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ มีส่วนร่วมกระทำความผิด ตาม พ.ร.บ. ของป.ป.ช. และสนับสนุนการทำความผิดของเจ้าพนักกงานตาม ม.10 ม.11 ม.12 ของ พ.ร.บ.ว่าความด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 พร้อมตั้งข้อสงสัยว่า การที่ ป.ป.ช. กล่าวถึงการกระทำของเจ้าหน้าที่ แล้วมาสรุปว่าบริษัทมีส่วนร่วมกระทำมาด้วยตั้งแต่ต้นนั้น จึงอยากทราบว่าบริษัทร่วมกระทำอะไรมาตั้งแต่ต้น