ในบริษัท องค์กร ที่ต้องมีการทำงานตลอด 24 ชั่วโมง มักจะวางรูปแบบให้ ทำงานเป็นกะ (Shift Work) เพื่อให้งานสามารถเดินหน้าได้อย่างต่อเนื่อง และในประเทศไทย มีคนจำนวนไม่น้อยที่ต้องทำงานเป็นกะ และมักจะมีการเปลี่ยนแปลงเวลาทำงานเสมอ เช่น สัปดาห์นี้เข้ากะเช้า สัปดาห์หน้าเข้ากะค่ำ ซึ่งเป็นการทำงานที่ทำให้นาฬิกาชีวิตรวน เพราะโดยธรรมชาติของร่างกาย เวลากลางวันจะต้องตื่นเพื่อทำกิจกรรมต่าง ๆ และช่วงเวลากลางคืนเป็นช่วงเวลาของการพักผ่อน ดังนั้น การทำงานเป็นกะ จนอาจส่งผลเสียต่อร่างกายได้
เช้าวันจันทร์ "ไม่อยากทำงาน" ใครเป็นบ้าง มีวิธีแก้
อุทาหรณ์คนทำงานหนัก หนุ่มควบกะโอทีตายคาห้อง
ผลของ “การทำงานเป็นกะ” ที่กระทบต่อสุขภาพ
ระยะสั้น
จะรู้สึกอ่อนเพลีย เหนื่อยล้า ง่วงในเวลางาน ทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพลดลง และเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุขณะทำงาน เช่น ทำงานในสายการผลิต ใกล้ชิดกับเครื่องจักร หรือ ต้องขับรถ
ระยะยาว
เกิดความเสี่ยงในโรคต่าง ๆ เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือกสมอง สมรรถภาพสมองลดลง ส่งผลต่อความจำ ปวดเมื่อยล้าตามร่างกาย ปวดตา เครียด อ่อนเพลียเรื้อรัง เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ในครอบครัวได้
วิธีดูแลตัวเองสำหรับคนทำงานเป็นกะ
-นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ควรครบ 8 ชั่วโมง สำหรับคนที่นอนกลางวัน จะมีสิ่งรบกวนค่อนข้างมาก ควรจัดที่นอนให้เหมาะสม
-รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หากอยู่กะดึก ควรรับประทานแต่พอดี เพื่อให้คลายหิว แล้วค่อยไปหนักมื้อเช้า เพื่อการนอนหลับให้เต็มอิ่ม และเมื่อตื่นนอนในช่วงบ่าย ให้กินมื้อกลางวัน และมื้อเย็นตามปกติก่อนเข้างาน
-ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ แต่คนทำงานกะดึก ไม่ควรออกกำลังกายหนักจนเกินไป
-การเปลี่ยนกะ ไม่ควรเปลี่ยนย้อนหลังหรือกลับไปกลับมา เพราะจะทำให้ร่างกายเหนื่อยล้า รู้สึกอดนอนมากขึ้น และไม่ควรเปลี่ยนกะทุกสัปดาห์ เพราะร่างกายต้องการเวลาปรับตัว
ที่มา คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
มหาวิทยาลัยมหิดล