การวิเคราะห์สถานการณ์น้ำท่วมในบ้านเรา ส่วนหนึ่งมีการนำข้อมูลจากภาพถ่ายดาวเทียม ที่มีการบันทึกข้อมูลและส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำไปวิเคราะห์ เฝ้าติดตาม วางแผนรับมือได้อย่างแม่นยำ ทั้งยังสามารถประเมินภัยพิบัติต่าง ๆ เพื่อเตรียมแผนป้องกันได้อีกด้วย แต่ที่พูดมา อาจดูเหมือนว่าเป็นเรื่องไกลตัว แต่ที่จริงแล้วคนทั่วไปอย่างเรา สามารถนำแผนที่น้ำท่วมจากภาพถ่ายดาวเทียม มาใช้ในการเลือกซื้อที่ดินได้
“จิสด้า” เผย พื้นที่น้ำท่วมกว่า 2 ล้านไร่ อีสานมากสุด
GISTDA เผยภาพน้ำท่วม 3 จังหวัดทางภาคใต้ กว่า 70,000 ไร่
เพื่อจะได้ดูว่า พื้นที่ไหน เป็นพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก เพื่อประกอบการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย ผ่านเว็บไซต์ http://flood.gistda.or.th/ ของสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA
เมื่อคลิกเข้าไป เราสามารถเช็คสถานการณ์น้ำท่วม ที่จะมีรายงานข้อมูลรายวันแบบกึ่งเรียลไทม์ ที่ได้จากภาพถ่ายดาวเทียมของจิสด้า และดาวเทียมพันธมิตร, การรายงานเชิงสถิติ ด้วยแผนที่น้ำท่วมในรอบ 7 วัน, สถานการณ์น้ำท่วมเปรียบเทียบแต่ละปี ที่มีให้เลือกตั้งแต่ปี 2549-2563
รวมถึงสถิติพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก โดยสามารถกดดูความถี่น้ำท่วมขังในรอบ 11 ปีได้ ซึ่งการอ่านสัญลักษณ์ก็ง่ายมาก เพราะแผนที่ดาวเทียมจะแสดงผลเป็นแถบสีชัดเจน ได้แก่
สีน้ำเงิน คือ 1 ครั้ง
สีเหลือง คือ 2-4 ครั้ง
สีม่วง คือ 5-7 ครั้ง
สีแดง คือ 8-10 ครั้ง
เช่น ที่ แขวงวังทางหลาง กทม. น้ำท่วมประมาณ 1 ครั้งในรอบ 11 ปี , ขณะที่ อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์ มีน้ำท่วมเกือบทุกปี
นอกจากนี้ แผนที่ดาวเทียมยังแสดงพื้นที่น้ำท่วม กับการเพาะปลูกทางการเกษตร ซึ่งส่วนนี้ จะเป็นประโยชน์กับหลายหน่วยงาน ทั้งเกษตรกรเองด้วย เพื่อใช้ข้อมูลมาตัดสินใจเลือกพืชที่เหมาะสมในการเพาะปลูก ประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้นเมื่อเกิดภัยพิบัติ การรับมือวางแผน และการประเมินใช้ประกอบการเบิกจ่ายค่าประกันพืชผล
อย่างไรก็ตาม การตรวจสอบที่ดินพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก ยังต้องดูจากความสูงจากระดับน้ำทะเล ความสูงต่ำในพื้นที่ และยังต้องอาศัยปัจจัยหลายรอบด้าน เพื่อให้การซื้อที่ดิน ซื้อบ้าน เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจภายหลังกับปัญหาน้ำท่วม หรือปัญหาอื่น ๆ อีกด้วย