คนชอบกินผักต้องรู้...ผักแต่ละชนิดกินสุก หรือดิบ ได้คุณค่าทางอาหารไม่เท่ากัน


โดย PPTV Online

เผยแพร่




อยากจะกินผักให้ได้สารอาหาร และ คุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน ต้องรู้ว่าควรกินลักษณะไหนถึงจะได้ประโยชน์กว่ากัน

เมื่อพูดถึงผัก สำหรับคนชอบกิน เรียกได้ว่าสามารถรับประทานได้หมดไม่ว่าจะมาในรูปแบบปรุงสุก หรือ มาแบบผักสดคล้ายสลัดผัก มันก็มีประโยชน์ทั้งนั้น แต่ในความเผ็นจริงถ้าใส่ใจสักนิดจะรู้ว่า ผักแต่ละชนิดที่นำมาทำเป็นอาหารนั้นมีความแตกต่างกับอยู่ เพราะถ้าปรุงแบบผิดวิธี หรือรับประทานไม่เหมาะสม ก็จะทำให้เราไม่ได้สารอาหารที่อยู่ในผักอย่างครบถ้วน และกลายเป็นว่ากินผักเข้าไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย 

ผักผลไม้ประเภทไหนที่กินแล้วช่วยต้าน “โรคมะเร็ง”

รู้จักคุณประโยชน์ของ "ผักและผลไม้อบกรอบ" อาหารว่างยอดฮิต  

ซึ่งการจะกินผักให้ถูกวิธี และได้ประโยชน์เต็มที่ต้องพิจารณาตามนี้ 
1. มะเขือเทศ
                หลายๆ คนอาจคิดว่ามะเขือเทศกินดิบหรือกินสุกก็ได้ แต่จริงๆ แล้วการกินแบบสุกจะทำให้เราได้รับสารอาหารที่สำคัญ อย่าง "ไลโคปีน"  เมื่อไหร่ที่นำมะเขือเทศมผ่านความร้อน ผนังเซลล์จะถูกทำลาย และเปลี่ยนแปลง ไลโคปีน ซึ่งอยู่ภายในมะเขือเทศ ให้อยู่ในรูปแบบที่ดูดซึมได้ง่ายมากขึ้น
    โดยปกติ ซึ่งมะเขือเทศดิบ จะมีไลโคปีน 3-7มิลลิกรัม / 100 กรัม แต่เมื่อผ่านความร้อนแล้วจะมีไลโคปีนเพิ่มขึ้นร้อยละ 25 ซึ่งไลโคปีน เป็นตัวช่วยป้องกันโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งปอด และช่วยดูแลหัวใจของเรา

    2. แครอท
                แครอทเป็นผักที่มีเบตาแคโรทีนสูงมากในลำดับต้นๆ ของผักประเภทสีส้ม สีเหลือง การที่จะทำให้เราได้รับประโยชน์จากเบต้าแคโรทีน อย่างเต็มที่ จึงควรรับประทานแครอทในรูปแบบ สุก โดยนำไปผ่านความร้อน ความร้อนจะส่งผลให้ผนังเซลล์ของแครอท ทำให้ ดูดซึมของร่างกายเป็นไปได้ดีมากขึ้น โดยแคร์รอตสุกจะมีเบต้าแคโรทีนเพิ่มขึ้นร้อยละ 34
                ซึ่งเบต้าแคโรทีน จะเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ ช่วยป้องกันโรคเรื้อรังต่างๆ ที่เกิดจากการอักเสบในร่างกายได้ 

 


3. พริก
                พริกต่างๆ นั้น เราควรจะกินแบบดิบ เนื่องจากพริกอุดมไปด้วยสารอาหารประเภทวิตามินซีสูง หากนำไปโดนความร้อนจะทำให้วิตามินซีเสื่อมสลายไปได้ง่าย โ
                ปริมาณวิตามินซีในพริก 100 กรัม
                    - พริกหวานดิบ จะมีวิตามินซี 70 มิลลิกรัม
                    - พริกหยวก จะมีวิตามินซี 50 มิลลิกรัม
                    - พริกขี้หนูดิบ จะมีวิจามันซี 40 มิลลิกรัม

โดยวิตามินซีจะมีประโยชน์ในการสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกาย ช่วยต้านอนุมูลอิสระ และเสริมสร้างคอลลาเจนที่มีส่วนช่วยเสริมสร้างผิวหนังให้ดูยืดหยุ่น และสดใสมากขึ้น

4. ผักตระกูลกะหล่ำ
                ผักตระกูลกะหล่ำ เช่น กะหล่ำปลี บล็อกโครี่ คะน้า ฯลฯ เราควรจะกินกันแบบสุกจะทำให้ได้รับประโยชน์ ไม่ว่าจะกากใยอาหารที่มีอยู่สูง ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบซึ่งจะป้องกันเซลล์มะเร็งในร่างกายได้ 
    หากรับประทานแบบดิบ จะทำให้เกิดแก๊สในระบบทางเดินอาหารได้  ยิ่งคนที่มีปัญหาปัญหาเรื่องระบบทางเดินอาหารจึงควรหลีกเลี่ยงแบบดิบ 
    ทั้งนี้ ใครที่มีปัญหาการทำงานของต่อมไทรอยด์บกพร่อง ก็ควรหลีกเลี่ยงผักตระกูลกะหล่ำ เนื่องจากมีสาร Goitrogen ที่ยับยั้งการดูดซึมไอโอดีนทำให้ต่อมไทรอยด์ผลิตโฮร์โมนได้น้อยลงนั่นเอง

  ทำความรู้จัก “ผักและผลไม้” 7 สี หลากหลายคุณประโยชน์

ตดเหม็น ตดบ่อย เป็นอันตรายหรือไม่?

5. หัวหอมใหญ่
                สำหรับหัวหอมใหญ่ควรกินแบบดิบ เนื่องจากสารในหัวหอมอาจถูกทำลายลงได้เมื่อโดนความร้อน เช่น เอ็นไทน์ วิตามินบีและซี ซึ่งประโยชน์ของหัวหอมก็อย่างเช่น วิตามินบี ช่วยในการเปลี่ยนสารอาหารให้เป็นพลังงานแก่ร่างกาย วิตามินซี ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ เสริมสร้างภูมิต้านทาน และเสริมสร้างโครงสร้างผิวหนังให้แข็งแรงอีกด้วย

ทั้งนี้ ผักทุกๆ ชนิดต่างมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์กับร่างกาย ดังนั้นในทุกๆมื้ออาหาร ควรมีผักร่วมด้วย อย่างน้อย 1-2 ทัพพี ก็จะช่วยเสริมสร้างสมดุลในการกินอาหารของเรามากขึ้น


 

ที่มา 
ดร.วนะพร ทองโฉม นักโภชนาการ กลุ่มสาขาวิชาโภชนาศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล 

PR - ตารางคะแนน-2_B PR - ตารางคะแนน-2_B
TOP ไลฟ์สไตล์
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ