2557 ปีแห่งความสำเร็จของนักกีฬาไทย


โดย PPTV Online

เผยแพร่




หนึ่งข่าวดีในปี 2557 ต้องยกให้กับความสำเร็จของนักกีฬาไทยในการแข่งขันระดับนานาชาติ ซึ่งปีที่ผ่านมานับว่าเป็นอีกปีหนึ่งที่ทัพนักกีฬาไทยทำผลงานได้โดดเด่น พร้อมทั้งสร้างความสุขให้กับคนไทยทั่วประเทศ


เริ่มจาก ความสำเร็จของฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย ภายใต้การคุมทีมของ นวลพรรณ ล่ำซำ ผู้จัดการทีม และ "โค้ชหนึ่ง" หนึ่งฤทัย สระทองเวียน ที่สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการคว้าสิทธิ์ไปแข่งขันฟุตบอลหญิงโลก 2015 ที่ประเทศแคนาดา ได้เป็นครั้งแรก


โดยทีมไทยซึ่งทำผลงานเป็นอันดับที่สาม ของกลุ่มบี ในการแข่งขัน AFC Asian Cup รอบสุดท้าย ต้องแข่งขันนัดเพลย์ออฟกับเวียดนาม เพื่อชิงอันดับที่ 5 พร้อมโควต้าสุดท้ายของทวีปเอเชียที่จะไปแข่งขันในฟุตบอลโลก ซึ่งแข้งสาวไทยก็ทำได้สำเร็จ ด้วยการบุกไปชนะเวียดนามถึงถิ่น 2 ประตูต่อ 1 โดย กาญจนา สังข์เงิน เป็นผู้ทำทั้งสองประตู


ทั้งนี้ การแข่งขันฟุตบอลหญิงโลก 2015 จะมีขึ้นที่ประเทศแคนาดา ระหว่างวันที่ 6 มิถุนายน – 5 กรกฎาคม 2558 ซึ่งจากการจับฉลากแบ่งสายเมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ทีมชาติไทยต้องเจองานหนักตั้งแต่ในรอบแบ่งกลุ่ม เมื่อถูกจัดให้อยู่ในกลุ่ม บี ร่วมกับ เยอรมนี อดีตแชมป์ 2 สมัย และนอร์เวย์ แชมป์ 1 สมัย รวมถึงไอวอรี่ โคสต์ ซึ่งเข้าร่วมแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเป็นครั้งแรกเช่นเดียวกันกับไทย


สำหรับความเคลื่อนไหวล่าสุด ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา นักฟุตบอลหญิงทีมชาติไทยได้มีการเตรียมทีมโดยเน้นความพร้อมสภาพร่างกาย ซึ่งหลังจากปีใหม่นี้ จะมีการประเมินผลงานเพื่อคัดตัวผู้เล่นให้เหลือ 23 คน ก่อนที่จะเริ่มฝึกซ้อมเทคนิคและระบบการเล่น เพื่อที่จะปรับและเตรียมทีมให้สมบูรณ์ที่สุดต่อไป

ต่อกันด้วยการแข่งขันกีฬาเอเชียน เกมส์ ครั้งที่ 17 ที่เมืองอินชอน ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งทัพนักกีฬาไทยคว้าอันดับที่ 6 มาได้ ด้วยผลงาน 12 เหรียญทอง 7 เหรียญเงิน และ 28 เหรียญทองแดง ถือเป็นผลงานที่ดีขึ้นจากการแข่งขันเอเชียน เกมส์ "กว่างโจวเกมส์" ในปี 2010 ที่ประเทศจีน ซึ่งครั้งนั้น ไทยได้อันดับที่ 9 ทำได้ 11 เหรียญทอง


แม้ว่าบางชนิดกีฬาจะทำผลงานได้ต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ แต่ก็มีอีกหลายประเภท ที่นักกีฬาไทยสร้างเซอร์ไพรส์คว้าเหรียญทองมาได้ ซึ่งนับเป็นนิมิตรหมายที่ดีว่า วงการกีฬาของไทยมีพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง และทั่วถึง ไม่จำกัดอยู่เพียงกีฬาประเภทใดประเภทหนึ่งเท่านั้น


เริ่มด้วยเหรียญทองเหรียญแรกของทัพนักกีฬาไทยในอินชอน เกมส์ จากโบว์ลิ่งบุคคลชาย โดย ญาณพล ลาภอาภารัตน์


เหรียญทองเหรียญประวัติศาสตร์เหรียญแรกในเอเชียน เกมส์ ของวงการกอล์ฟไทย จากทีมกอล์ฟหญิง ซึ่งประกอบด้วย บุษบากร สุขพัณธ์ เบญญาภา นิภัทร์โสภณ และ สุภมาส แสงจันทร์


เหรียญทองจักรยาน บีเอ็มเอ็กซ์ หญิง จาก อะแมนด้า คาร์ นักปั่นลูกครึ่งไทย-อเมริกัน ที่ลงแข่งขันเอเชียน เกมส์ เป็นครั้งแรก ซึ่งโด่งดังและเป็นที่ชื่นชอบของแฟนกีฬาชาวไทย จากการให้สัมภาษณ์เป็นภาษาอีสาน เมื่อจบการแข่งขัน รวมถึงเหรียญทองจักรยานถนนหญิง จาก จุฑาธิป มณีพันธุ์ ที่สมาคมจักรยานรอคอยมาถึง 16 ปี นับจากที่ บานนา คำฟู เคยทำได้ในเอเชียน เกมส์ ครั้งที่ 13 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ


นอกจากนี้ ยังมีเหรียญทองกีฬาเรือใบ ประเภททเวนตี้ไนเนอร์ จาก นพเก้า พูนพัฒน์ และ นิชาภา ไหวไว เทควันโด รุ่น 49 กก.หญิง จาก ชนาธิป ซ้อนขำ เจ้าของเหรียญทองแดง โอลิมปิกเกมส์ 2010 มวยสากลสมัครเล่น รุ่น 64 กก.ชาย จาก วุฒิชัย มาสุข เทนนิสหญิงคู่ จาก แทมมารีน ธนสุกาญจน์ และลักษิกา คำขำ ซึ่งนับเป็นการปิดฉากการรับใช้ทีมชาติของ "แทมมี่" อย่างสวยงาม หลังเคยเข้าชิงในประเภทเดี่ยวและได้เพียงเหรียญเงินมาทั้งสองครั้ง


ขณะที่ทีมตะกร้อทีมชาติไทย ยังครองความเป็นหนึ่ง โดยกวาดเรียบ 4 เหรียญทองในทุกประเภทได้ตามเป้า


ทั้งนี้ ไม่ว่าผลการแข่งขันจะเป็นอย่างไร ทัพนักกีฬาไทยทุกคนก็ได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นทุ่มเทที่จะนำชัยชนะมาฝากพี่น้องชาวไทย รวมถึงทำให้แฟนกีฬาได้ร่วมลุ้นร่วมเชียร์กันอย่างสนุก


ซึ่งในการแข่งขันเอเชียนเกมส์ครั้งต่อไป อีก 4 ปี ข้างหน้า ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เชื่อว่าทัพนักกีฬาไทยจะทำผลงานได้เป็นที่ประทับใจและสร้างชื่อให้กับประเทศไทยอีกครั้ง


ปิดท้ายด้วยข่าวดีข่าวสุดท้ายของวงการกีฬาบ้านเรา ซึ่งจะเป็นอื่นใดไม่ได้ นอกจาก การที่ทีมฟุตบอลชายทีมชาติไทย ภายใต้การคุมทีมของ "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กลับมาผงาดคว้าแชมป์การแข่งขันชิงแชมป์ทีมชาติอาเซียน หรือ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ ได้อีกครั้ง ในรอบ 12 ปี หลังจากเอาชนะคู่ปรับเก่าอย่าง "เสือเหลือง" มาเลเซีย ไปอย่างสนุกสุดมัน ด้วยคะแนนรวม 4 ต่อ 3 ประตู ในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ เหย้า-เยือน ทั้ง 2 นัด


ซึ่งในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศนัดแรกที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ทีมชาติไทยสามารถชนะมาเลเซียไปได้ก่อน 2 ประตูต่อ 0 ให้แฟนๆ ได้อุ่นใจ เพราะในการเล่นเกมเยือน ขอแค่เพียงผลเสมอ "ช้างศึก" ก็จะได้แชมป์มาครอง


แต่แล้ว มาเลเซีย ก็แทบจะทำให้แฟนบอลชาวไทยหัวใจหยุดเต้น เมื่อในการแข่งขันนัดที่สอง "เสือเหลือง" ซึ่งเล่นภายใต้เสียงเชียร์ของแฟนบอลมาเลเซียเกือบแสนคนในสนามบูกิต จาริล ใช้โอกาสที่มีเพียงไม่กี่ครั้ง ทำประตูขึ้นนำไทย 3 ประตู 0 ซึ่งหาก
เกมจบลงที่สกอร์นี้ มาเลเซียจะได้แชมป์ทันที


ทว่า ในห้วงเวลาที่ "ช้างศึก" กำลังก้าวสู่ความพ่ายแพ้ แฟนบอลชาวไทยก็ได้เฮกันอีกครั้ง เมื่อชาริล ชัปปุยส์ ซ้ำลูกยิงจุดโทษนอกเขตของ สารัช อยู่เย็น ที่ผู้รักษาประตูมาเลเซียปัดออกมา ตีไข่แตกได้สำเร็จ ขณะที่เหลือเวลาเพียง 10 นาที


และ 5 นาที หลังจากนั้น ทีมชาติไทยก็มาได้ประตูย้ำชัยชนะ จากลูกยิงนอกกรอบสุดสวยของ "เมสซีเจ" ชนาธิป สรงกระสินธ์ คว้าแชมป์เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ เป็นสมัยที่ 4 ได้ในที่สุด


ชัยชนะของทีมชาติไทยภายใต้ทัพนักเตะไทยสายเลือดใหม่ ได้เรียกแรงศรัทธาและความนิยมจากแฟนบอลชาวไทยกลับมาสู่วงการฟุตบอลไทยอีกครั้ง ซึ่งจะเห็นได้จากแฟนบอลนับหมื่นคนที่มารอต้อนรับและแสดงความยินดี ตลอดสองข้างทาง ที่ขบวนรถแห่ทีมชาติไทยเคลื่อนผ่าน ตั้งแต่สนามบินดอนเมือง มาจนถึงสนามศุภชลาศัย

นอกจากนี้ ลีลาการต่อบอลแบบเหนือชั้น 27 ครั้ง ในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศนัดแรก ยังเรียกเป็นที่กล่าวถึง และถูกแชร์ในสังคมออนไลน์มากมาย


และด้วยผลงานคว้าเเชมป์ฟุตบอลชิงเเชมป์เเห่งอาเซียน และอันดับ 4 ในเอเชียนเกมส์ที่เกาหลีใต้ ทำให้ "ซิโก้"ได้รับรางวัลผู้ฝึกสอนดีเด่น ในพิธีประกาศเกียรติคุณเนื่องในโอกาสวันกีฬาแห่งชาติที่ผ่านมา ขณะที่นักฟุตบอลทีมชาติไทยเองก็ได้รับรางวัล ชนิดกีฬาทีมดีเด่น เช่นกัน


นับเป็นการสรุปความสำเร็จของวงการกีฬาไทยที่ผ่านมาในปีนี้ได้อย่างสวยงาม และเมื่อดูจากจังหวะเวลาแล้ว หากจะเรียกว่าเป็น "ของขวัญปีใหม่" ที่นักฟุตบอลทีมชาติไทยจะมอบให้กับคนไทยทุกคนก็คงจะไม่ผิดนัก

PR-โปรแกรมผลบอล-2_B PR-โปรแกรมผลบอล-2_B
TOP ไลฟ์สไตล์
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ