ต่อจากนี้ พวกเราจะพาทุกคนไปสัมผัสเรื่องราวของชาวบรูไนผ่านเทศกาลอีดรี้ล ฟิตตรี้ หรือเทศกาลฉลองหลังจากถือศีลอดและไปสัมผัสว่า ภายใต้การปกครองของสุลต่านในประเทศที่รวยเป็นอันดับ 4 ของ โลก ชีวิตของชาวบรูไนนั้นเป็นอย่างไร ออกไปเห็นโลกกว้างขึ้น เห็นตัวเองเล็กลงกันเถอะ...
บรูไนเป็นประเทศที่ปกครองด้วยกฏหมายมุสลิมหรือกฏหมายชารีอะห์ มีประชากรเกือบทั้งหมด(ร้อยละ 90) นับถือศาสนาอิสลาม เทศกาลหรือกิจกรรมต่างๆก็จะเกี่ยวข้องกับศาสนาอิสลามเป็นหลัก ซึ่งชาวบรูไนจะให้ความสำคัญกับ เทศกาลหลัก 2 เทศกาล คือเทศกาลอีดรี้ล ฟิตตรี้ ที่พวกเรามาถึง และ เทศกาล อีดรี้ล อัฏฮา หรือเทศกาลเชือดสัตว์ชำระล้างจิตใจ ซึ่งจัดหลังจาก อีดรี้ล ฟิตตรี้ ไปแล้ว 2 เดือน กับอีก 10 วัน และเมื่อสิ้นเสียงประกาศ ว่าเทศกาลถือศีลอดได้สิ้นสุดลงแล้ว ชาวบรูไนก็จะเข้าละหมาด เพื่อให้อัลเลาะฮ์ประทานพรให้กับชีวิต สมาชิกครอบครัวมารวมตัวกัน เพื่อขอขมาในความผิดที่อาจได้ทำไป รวมถึงร่วมเฉลิมฉลองกันอย่างมีความสุขเหมือนกับชาวมุสลิมทั่วทั้งโลกเทียบง่ายๆ ก็ไม่ต่างกับบ้านเราเมื่อเทศกาลสงกรานต์มาถึง ที่จะเจอรถติด เพราะทุกคนต่างพร้อมใจกันกลับบ้านของตัวเองที่ต่างจังหวัด ร้านค้าในตัวเมืองปิดเงียบ เรียกได้ว่า สีสันในตัวเมืองที่ปกติก็เงียบอยู่แล้ว ยิ่งเงียบลงกว่าเดิมอีก
เช้าวันรุ่งขึ้น คนที่นี่ก็ทยอยเข้ามัสยิดใกล้บ้านแบบไม่ขาดสายด้วยเสื้อผ้าแบบ 2 ท่อนเหมือนผู้คนในแถบมลายู ต่างจากชาวมุสลิมในอาหรับซึ่งนิยมสวมชุดคลุมท่อนเดียว เพื่อเข้าไปทำละหมาดแรกของวัน การละหมาดครั้งนี้ จะพิเศษกว่าการละหมาดที่ทำเป็นประจำ เพราะไม่ใช่เพียงละหมาดแรกขอของวัน แต่เป็นละหมาดแรกในเทศกาลอีด จะเป็นการละหมาดที่ใช้เวลานานกว่าปกติ พอละหมาดเสร็จ แต่ละครอบครัวก็จะรวมตัวอีกครั้งที่กูโบร์หรือสุสาน เพื่อทำพิธีระลึกถึงญาติผู้ล่วงลับ ซึ่งที่บรูไนจะให้ผู้หญิงเข้าไปร่วมพิธีในกูโบร์ได้ไม่เหมือนกับพิธีของพี่น้องมุสลิมในบ้านเรา
เป็นโอกาสดีที่เราได้พูดกับคนบรูไนเกี่ยวกับเรื่องของสังคม ที่คนที่นี่บอกกับเราว่า สังคมของพวกเขานั้นมีส่วนคล้ายกับไทยตรงที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และบรูไนเองก็มีสุลต่านทำหน้าที่ในทั้งประมุขและบริหารประเทศ คนที่นี่จึงมีความใกล้ชิดกับกษัตริย์ของพวกเขาเป็นพิเศษ มีสวสัดิการมากมายจากกษัตริย์ที่ให้กับประชาชน ทั้งการรักษาโรค ที่คนที่นี่จ่ายเพียงแค่ 1 ดอลล่าร์บรูไน (25 บาท) รักษาทุกโรค ส่วนที่เหลือนั้นกษัตริย์จะจ่ายให้ การศึกษาที่ให้ฟรีจนจบปริญญาตรี สิทธิกู้ซื้อบ้านในราคาพิเศษ และชาวบรูไนคนใดที่ไม่มีบ้านหรือที่ดิน กษัตริย์ก็สร้างให้ฟรีๆ ครอบครัวละ 1 หลัง รวมถึงราคาน้ำมัน ที่ตกอยู่ลิตรละไม่เกิน 10 บาท และมีราคาคงที่มากว่า 20 ปี เรียกได้ว่า เป็นดินแดนที่สุลต่านนั้นมีแต่ให้กับให้จริงๆ
ถึงแม้บรูไนจะเป็นประเทศเล็ก และคนที่นี่ก็มีจำนวนไม่มากหากเทียบกับประเทศอื่นๆในอาเซียน หรือแม้แต่ในโลก แต่สิ่งหนึ่งที่ผมสัมผัสได้ก็คือการให้ความสำคัญกับคนในครอบครัว และการดูแลของสุลต่านที่ให้กับประชาชน ทั้งเรื่องของสัวสดิการ และ กิจกรรมต่างๆอีกมากมาย นี่จึงเป็นอีกเหตุผลหนึ่ง ที่คนที่นี่ ต่างรักสุลต่านของพวกเขาสุดชีวิต ไม่ต่างจากที่เห็นในบ้านเราเลย ..นี่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของเรื่องราวในบรูไน มหัศจรรย์อาเซียนยังมีเรื่องน่าสนใจอีกมาก อย่าลืม ออกมาเห็นโลกกว้างขึ้น เห็นตัวเองเล็กลงกับเราได้ทุกวันศุกร์ 3 ทุ่ม ทาง PPTVHD36 กันนะ