สมัยเด็ก ๆ เมื่อได้ยินชื่อปลากระเบนราหู จะรู้สึกว่าเป็นปลาลึกลับราวกับสัตว์ในเทพนิยาย จนสงสัยว่ามีอยู่จริงหรือ
พอโตขึ้นมา ได้เห็นรูปภาพของเจ้าปลาตัวนี้ รูปร่างขนาดใหญ่โตเป็นทรงกลม แต่ก็ยังเป็นสัตว์ลึกลับในแม่น้ำ นานๆ จะเห็นข่าวการจับปลายักษ์ตัวนี้ได้
แต่ที่สำคัญคือ ปลากระเบนราหูเป็นปลาที่ในโลกนี้มีเฉพาะใน เกาะบอร์เนียว แม่น้ำโขง แม่น้ำในภาคกลางของไทยอาทิ เจ้าพระยา แม่น้ำแม่กลอง มันจึงได้รับการตั้งชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Himantura chaophraya เพื่อเป็นเกียรติตามสถานที่ค้นพบครั้งแรกคือแม่น้ำเจ้าพระยา
และสาเหตุที่ได้ชื่อว่า "ราหู" เนื่องจากขนาดลำตัวที่ใหญ่เหมือนราหูอมจันทร์ตามคติของคนโบราณ อีกทั้งยังมีความเชื่ออีกด้วยว่า หากใครพบเห็นหรือจับปลากระเบนราหูน้ำจืดได้ จะพบกับความโชคร้าย
ขนาดของปลาชนิดนี้ใหญ่จนกลายเป็นปลากระเบนน้ำจืดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เคยมีคนพบน้ำหนักถึง 600 กิโลกรัม ความกว้าง 2.5-3 เมตร ความยาวตั้งแต่ปลายส่วนหัวจรดปลายหางที่บันทึกไว้ได้ใหญ่ที่สุด คือ 5 เมตร และเป็นปลากระเบนที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากปลากระเบนแมนตา (Manta spp.) ที่พบได้ในทะเล
ทุกวันนี้ทั่วโลกได้ระบุว่าเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ IUCN จัดให้กระเบนชนิดนี้มีสถานภาพใกล้สูญพันธุ์ (endangered) ในระดับโลก สำหรับในประเทศไทยจัดว่า ใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่ง (Critically endangered)
ดังนั้นสำหรับผู้เขียน การได้เห็นปลาชนิดนี้จึงนับเป็นความโชคดีมากกว่าความโชคร้าย และภาวนาว่าอยากเห็นเป็นบุญตาครั้งหนึ่งในชีวิต
ประเทศไทยนับเป็นแหล่งอาศัยตามธรรมชาติที่สำคัญมากของสัตว์มหัศจรรย์ชนิดนี้ กระเบนราหูจึงถือเป็นสัตว์น้ำคู่บารมีของแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำแม่กลอง อันควรค่าต่อการอนุรักษ์เป็นอย่างยิ่ง
แต่แล้วในเดือนที่ผ่านมา ได้เกิดโศกนาฎกรรมในแม่น้ำแม่กลอง จังหวัดสมุทรสงคราม เมื่อปรากฏว่ามีปลากระเบนราหูค่อย ๆ ลอยน้ำตายไปทีละตัวสองตัว และเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนระยะเวลาไม่กี่วัน พบว่ามีปลากระเบนลอยน้ำตายไม่ต่ำกว่า 50 ตัว บางตัวน้ำหนักมากถึง 200 กิโลกรัม
ก่อนหน้านี้ หากมีข่าวการล่าปลากระเบนในแม่น้ำได้เพียงตัวเดียว ก็เป็นข่าวใหญ่โตแล้ว แต่นี้ตายในช่วงเวลาเดียวกันถึง 50 ตัว
เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์อย่างยิ่ง เพราะคาดว่าน่าจะพบเพียง 1 ใน 3 ของที่ตาย คือตายประมาณ 150 ตัว จากที่คาดว่าในแม่น้ำภาคกลางของไทยมีประชากรปลากระเบนราหูไม่เกิน 200 ตัว
การตายของปลากระเบนราหูครั้งนี้ อาจเปรียบเทียบได้กับ เสือโคร่ง 50 ตัวในป่าห้วยขาแข้งถูกยาเบื่อตายทีเดียวพร้อมกัน
ล่าสุดกรมควบคุมมลพิษ แถลงสรุปสาเหตุ การตายของปลากระเบนราหูในลุ่มน้ำแม่กลอง จังหวัดสมุทรสงคราม ว่าเกิดจากการปล่อยน้ำเสียของโรงงานราชบุรีเอทานอล ทำให้แอมโมเนียในน้ำสูง เป็นพิษต่อปลากระเบนเฉียบพลัน
กรมควบคุมมลพิษใช้วิธีตั้งสมมติฐานว่าระดับความเข้มข้นของแอมโมเนียอิสระ จากการรั่วไหลของน้ำกากส่าโรงงานราชบุรีเอทานอล โดยจำลองแหล่งน้ำธรรมชาติ และเติมน้ำกากส่าและวัดระดับแอมโมเนียทุกๆ 15 นาที พบว่าในเวลา 46 ชั่วโมง ที่น้ำไหลจากโรงงานมาถึงจุดที่พบปลาตาย มีค่าแอมโมเนียเพิ่มสูงถึง 1.1 มิลลิกรัมต่อลิตร เกินกว่าค่าความปลอดภัยต่อสัตว์น้ำถึง 18 เท่า ทำให้ปลากระเบนตายเฉียบพลัน เพราะปลาไม่สามารถขับแอมโมเนียออกจากร่างกายได้ โดยเฉพาะในช่วงที่น้ำมีออกซิเจนต่ำ
สอดคล้องกับผลตรวจเนื้อเยื่อปลากระเบนที่พบสารไซยาไนด์ ของศูนย์วิจัยโรคสัตว์น้ำ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รองศาสตราจารย์สัตวแพทย์หญิงนันทริกา ชันซื่อ ระบุว่า ไซยาไนด์เป็นสารตั้งต้นที่ทำให้ปลากระเบนมีอาการอัมพาต และเมื่อเจอแอมโมเนียอิสระยิ่งทำให้เกิดพิษกับปลากระเบนสูงมากขึ้น
หลายคนคงสงสัยว่า สารพิษไซยาไนต์มาจากไหน คำตอบคือ มาจากมันสำปะหลัง ที่เป็นวัตถุดิบในการผลิตน้ำตาลและผงชูรส จากโรงงานหลายแห่งริมแม่น้ำแม่กลอง ตั้งแต่ราชบุรียันสมุทรสงคราม
แต่ที่สลดใจคือ ก่อนหน้านี้โรงงานแห่งนี้ได้ลักลอบปล่อยน้ำเสียออกมาตั้งแต่ปลายเดือนกันยายน มีผู้แอบถ่ายคลิปได้ และพอวันที่ 6 ตุลาคม ก็พบปลากระเบนราหูลอยตาย แต่บรรดาหน่วยราชการในจังหวัดก็ดาหน้าออกมาปกป้องว่า โรงงานแห่งนี้ไม่ได้เป็นสาเหตุของการตายของปลากระเบนราหู
เมื่อหลักฐานของกรมควบคุมมลพิษชัดขนาดนี้ ก็ต้องดูต่อไปว่า หน่วยราชการจะกล้าจัดการกับโรงงานน้ำตาลแห่งนี้ไหม เพราะเจ้าของเป็นนักธุรกิจชื่อดัง มีสายสัมพันธ์ที่ดีกับรัฐบาลทุกยุคทุกสมัย
แต่เชื่อเถอะครับ บทสรุปก็คือ
ก็แค่ปลากระเบนราหูตาย แล้วไง จะเป็นจะตายกันมากนักหรือ