3 เทรนด์ออกกำลังกาย สลายเครียด - ลด "ปวดเมื่อย"


โดย PPTV Online

เผยแพร่




ส่องวิธีออกกำลังกายง่ายๆ ฉบับมนุษย์เงินเดือน ผ่อนคลายสลายความเครียด – แก้อาการปวดเมื่อยจากการทำงาน

“แค่หน้าที่การงานที่ทำอยู่ทุกวันนี้ ก็แทบไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่นแล้ว” เชื่อว่าประโยคคำพูดทำนองนี้น่าจะดังก้องอยู่ในหัวของใครหลายคน แน่นอนว่ามนุษย์เงินเดือนอย่างเราๆ การทำงานถือเป็นหน้าที่ที่สำคัญมากอย่างหนึ่ง บางคนเรียกได้ว่าการทำงานคือชีวิตจิตใจเลยทีเดียว โดยภาระของแต่ละคนก็แตกต่างกันออกไปตามวิชาชีพและความถนัด 

 

 

แต่การมุ่งมั่นตั้งใจทำงานอย่างหนักจนเกินไปนั้น มักนำมาซึ่งปัญหาสุขภาพที่หากไม่เร่งปรับเปลี่ยนพฤติกรรม หรือสร้างความสมดุลให้กับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต อาจส่งผลเสียต่อร่างกายในระยะยาว ถึงขั้นเจ็บป่วยเรื้อรังหรือที่ทุกคนรู้จักดีคือ ภาวะโรคออฟฟิศซินโดรม (Office syndrome) ก็เป็นได้ !!!
 


ภาวะโรคออฟฟิศซินโดรม ถือเป็นอาการเรื้อรังที่คนวัยทำงานยากจะหลีกเลี่ยง เพราะลักษณะการทำงานโดยเฉพาะใครที่ต้องนั่งทำงาน และใช้เวลาจดจ่ออยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน เชื่อว่าเกินครึ่งของผู้ที่มีไลฟ์สไตล์แบบนี้ ต้องรู้สึกปวดเมื่อยตามอวัยวะต่างๆ อย่างแน่นอน โดยข้อมูลจากกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า 3 อาการที่พบได้บ่อยในคนที่มีภาวะออฟฟิศซินโดรม คือ 

1. ปวดหลังเรื้อรัง เชื่อว่าปวดหลังเป็นอาการที่ทุกคนต้องเป็น เพราะในแต่ละวันใช้เวลานั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ขั้นต่ำก็น่าจะ 4-5  ชั่วโมง ยิ่งคนส่วนใหญ่ชอบนั่งหลังค่อม ทำให้กล้ามเนื้อต้นคอ สะบัก เมื่อย เกร็งอยู่ตลอดเวลา ทำให้กระบังลมขยายได้ไม่เต็มที่ สมองได้รับออกซิเจนไม่เต็มที่ ทำให้ง่วงนอนและรู้สึกไม่สดชื่น

2. ไมเกรนหรือปวดศีรษะเรื้อรัง ใครที่ชอบปวดหัวจี๊ดๆ หรือเป็นไมเกรนอยู่ ถ้าย้อนเวลากลับได้คงไม่มีใครอยากเป็นแน่นอน หลายคนปวดหัวจนนอนไม่หลับทำให้พักผ่อนไม่เพียงพอ แรงกว่านั้นคือทำให้เครียดซึ่งส่งผลต่อการทำงานได้ไม่เต็มร้อย

3. มือชา เอ็นอักเสบ นิ้วล็อค ข้อนี้เชื่อว่าไม่เฉพาะคนทำงานแต่รวมไปถึงทุกคน ที่ใช้คอมพิวเตอร์ การจับเมาส์ และเล่นสมาร์ทโฟนนานๆ สาเหตุสำคัญเกิดจากกล้ามเนื้อกดทับเส้นประสาทและเส้นเอ็น จนเกิดการอักเสบที่ปลอกหุ้มเอ็นข้อมือและเส้นเอ็นนิ้วมือ เนื่องจากพังผืดยึดจับบริเวณนั้นเป็นจำนวนมากนั่นเอง 

 

 

เป็นธรรมดาที่เวลารู้สึก “ปวดเมื่อย” หรือ “เจ็บป่วย” แต่ละคนก็มักหาวิธีบำบัดรักษาในรูปแบบของตัวเอง หลายคนเลือกที่จะกินยาแก้ปวดเพราะง่ายและสะดวกที่สุด ในขณะที่บางคนหันไปพึงพาการนวดแผนไทยหรือนวดกดจุด เพื่อรักษาอาการปวดเมื่อยให้เบาบางลง แม้วิธีการข้างต้นจะช่วยให้รู้สึกดีขึ้น แต่ก็อาจบรรเทาได้เพียงชั่วครั้งชั่วคราว 

เพราะถือเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ หากต้องการแก้ที่ต้นเหตุจริงๆ ต้องอาศัยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ควบคู่ไปกับการลุกขึ้นมาขยับหรือเคลื่อนไหวร่างกาย หรือใครที่สามารถจัดสรรเวลาได้ลงตัว การออกกำลังกายไม่ว่าจะเดิน วิ่ง ว่ายน้ำ เต้นแอร์โรบิค หรือเข้าฟิตเนส ก็ถือเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลยทีเดียว

 

 

แต่ด้วยข้อจำกัดของหน้าที่การงานที่รัดแน่น การออกกำลังกายจึงมักเป็นกิจกรรมที่หลายคนเลือกทำเป็นอันดับท้ายๆ แต่เพื่อการเสริมสร้างสุขภาพที่ดี เราจึงสรรหารูปแบบการออกกำลังกายยอดนิยม สำหรับมนุษย์เงินเดือนที่ไม่ค่อยมีเวลาว่าง และไม่สะดวกเดินทางไปออกกำลังกาย ตามสถานที่สนามกีฬา สวนสาธารณะ หรือฟิตเนส มาฝากทุกคน ดังนี้

1. กายบริหารพิชิตปวด การกายบริหารถือเป็นการออกกำลังกายที่ง่ายที่สุด ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นรวมถึงผ่อนคลายกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ เช่น คอ ไหล่ สะบัก หลัง และขา ที่สำคัญคือไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่กว้างขวาง ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ และประหยัดเวลา ทำได้ง่ายๆ เริ่มจากบริหารต้นคอ ต่อด้วยบ่าและไหล่ จากนั้นย้ายไปที่สะบักและหน้าอก ตามด้วยขาด้านหลังและหลังส่วนล่าง ปิดท้ายที่หลังส่วนล่าง

2. เต้นแอร์โรบิคพิชิตใจ ก่อนหน้านี้เวลาพูดถึงการเต้นแอร์โรบิค ทุกคนคงนึกถึงการออกไปรวมตัวเต้น ตามสวนสาธารณะ ลานวัด หรือหน้าห้างซุปเปอร์มาร์เก็ต ตอนเย็นๆ แต่เดี๋ยวนี้แค่เปิดดูวีดีโอในอินเตอร์เน็ต ก็สามารถเต้นออกกำลังกายที่บ้านได้แล้ว โดยสำหรับคนที่เพ่ิมเริ่มเต้นแนะนำว่า ให้เลือกท่าพื้นฐานเพื่อปรับสภาพร่างกายก่อน เพราะท่าเต้นในระดับแอ๊ดวานซ์นั้นเหนื่อยไม่ใช่เล่น

3. โยคะยืดเหยียดสร้างสมดุล พักหลังความนิยมในการเล่นโยคะนั้นเพ่ิมสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างความแข็งแรงและเพ่ิมยืดหยุ่นของร่างกายในเวลาเดียวกัน ท่าโยคะสำหรับแก้อาการปวดหลัง สำหรับผู้ที่ไม่เคยเล่นโยคะแต่สามารถฝึกทำได้เองที่บ้าน คือ “ท่าอัพนาสนะ” หรือ “ท่างอเขาชิดอก” และ “ท่าภุชงคาสนะ” หรือ “ท่างู” ทั้งสองท่าช่วยยืดเหยียดเส้นเอ็น บรรเทาปวดตึงของแผ่นหลัง เอา ขา และเข่า ได้เป็นอย่างดี


สุดท้ายสิ่งที่สำคัญไม่แพ้การออกกำลังกาย นั่นก็คือ “การทำจิตใจให้เป็นสุข” โดยการพยายามไม่เคร่งเครียดกับเรื่องต่างๆ มากเกินไป เพราะหากออกกำลังกายแก้โรคออฟฟิศซินโดรม หรือเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรงได้สำเร็จ แต่ถ้าจิตใจยังไม่ปล่อยว่างก็คงไม่นำพา..


 
ติดตามเรื่องราวดีๆ ร่วมแชร์ความไม่ปวดกันได้ที่  www.nopainyougain.net

TOP ไลฟ์สไตล์
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ