เห็นโลกกว้างขึ้น เห็นตัวเองเล็กลง ตอน ไซบีเรีย ...ชาติยุโรป เลือดเอเชีย


โดย PPTV Online

เผยแพร่




เรื่อง เก่ง เมืองชัย / ภาพ ทีมงานปักหมุดสุดขอบโลก

ก่อนที่จะไปชมรายการ “ปักหมุดสุดขอบโลก” 15.50 น. วันนี้ ทีมงานเดินทางไปถึงเมืองที่หนาวที่สุดในโลกแล้ว ที่ไซบีเรีย ...งั้นไปทำความรู้จักไซบีเรียกันก่อนครับ

หลายคนคงรู้ว่า รัสเซียคือดินแดนที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่รู้ไหมว่า 2 ใน 3 ของรัสเซียนั้นไม่ใช่ดินแดนของชาวสลาฟหัวทองตาน้ำข้าว แต่เป็นดินแดนของชาวไซบีเรีย ซึ่งมีอาณาเขตใหญ่กว่าไทยถึง 80 เท่า และมีความใกล้ชิดกับชาวเอเชียตามสายเลือด!! 

เราคุ้นเคยกับคำว่า "ไซบีเรีย" ดี เพราะเป็นต้นกำเนิดของสายพันธุ์สุนัขราคาแรง และเป็นบ้านของนกเป็ดน้ำที่ย้ายมารับไออุ่นที่เมืองไทยทุกหน้าหนาว ...ว่าแต่ชาวไซบีเรียนั้นคือใคร? และทำไม พวกเขาถึงต้องอยู่ในดินแดนที่หนาวสุดขั้วเช่นนี้?

...คนไซบีเรียคือกลุ่มคนเร่ร่อนในพื้นที่แถบรัสเซียตะวันออกและตอนใต้มากว่า 40,000 ปี และถือเป็นกลุ่มคนมองโกลอยด์(คนเอเชียผิวเหลือง)เช่นกันกับเรา พวกเขาอยู่กระจัดกระจายหลายกลุ่ม เช่น ชาวเยเนต เนเนต บ้างสืบเชื้อสายมาจากมองโกล หรือในยาคุสต์ที่เราอยู่ ก็เป็นที่อยู่ของชาวซาฮา ที่มีชีวิตเร่ร่อนด้วยการล่าสัตว์มานาน มีผู้นำทางความเชื่อที่เรียกว่า ชาร์มาน และอีกอย่างที่เป็นเอกลักษณ์คือการบูชาพระอาทิตย์ ที่มอบความอบอุ่นและให้ชีวิตกับพวกเขาเสมอมา

“จริงๆแล้วเรามีวัฒนธรรมเป็นของตัวเอง มีภาษาพูด หน้าตาเราก็คล้ายเอเชีย แต่ชื่อเราเป็นฝรั่ง เราโดนปรับเปลี่ยนไปมาก เพราะถูกกลืนด้วยความเป็นรัสเซีย ...ทุกวันนี้ พวกเราเป็นยุโรปโดยสัญชาติ แต่จริงแล้วเราคิดว่าตัวเองเป็นเอเชีย” คนนำทางเราได้บอกไว้...

...ความเป็นไซบีเรียนั้นเริ่มหายไปตั้งแต่ยุครุ่งเรืองของจักรวรรดิมองโกล ที่ครอบครองพื้นที่ส่วนใหญ่ของชาวไซบีเรียได้ ทำให้คนไซบีเรียต้องอพยพหนี เช่นชาวซาฮา ที่แรกเริ่มนั้นอาศัยบริเวณทะเลสาบไบข่าล(ตอนกลางของประเทศ) ก็ต้องหนีภัยสงครามมาเรื่อยจบจบที่ตะวันออกสุดของแผ่นดิน ยาคุสต์ในปัจจุบัน) ...เรื่อยมาช่วงศตวรรษที่ 16 เมื่อเหล่าประเทศเจ้าอาณานิคมเริ่มเสาะหาเส้นทางการค้าทางทะเล อาณาจักรรัสเซียที่มีดินแดนเพียงน้อยนิด(ในตอนนั้น)เลยต้องหาบ้างเพื่อประกาศศักดา ครั้นจะออกทะเลทางตะวันตกก็ติดเจ้าถิ่นเดิมไปหมด ได้แต่ร้องเพลงรอเรื่อยมาจนถึงยุคพระเจ้าซาร์อีวานที่ 4 หรืออีวานผู้เหี้ยมโหด (กษัตริย์ผู้โด่งดังจากการควักลูกตาสถาปนิกผู้ออกแบบวิหารเซนต์เบซิล เพื่อไม่ให้ไปสร้างวิหารที่สวยเช่นนี้ได้อีก) ที่ปรับปรุงรูปแบบกองทัพ และสามารถกำจัดชนเผ่าตาตาร์(ลูกหลานของชาวมองโกล) ชนเผ่าที่เป็นคู่ปรับอาณาจักรรัสเซียที่ตั้งขวางพื้นที่ทางตะวันออกไว้ จนทะลุมาถึง “ไซบีเรีย” ที่ห่างไกลไม่มีใครเข้าถึง แต่มีความสำคัญเพราะเป็น “ประตู” สู่ทะเลตะวันออกของเอเชีย และยังเป็นขุมทรัพย์ด้านพันธุ์ปลาที่หลากหลาย ...นับจากนั้น ไซบีเรียจึงถูกยัดเยียดให้เป็นยุโรป และหลายพื้นที่ก็กลายเป็นคุกธรรมชาติ สำหรับผู้ต่อต้านการปกครอง เรื่อยมาจนยุคสหภาพโซเวียต ที่ไซบีเรียเกือบถึงกาลอวสาน...

นาเดีย ไซบีเรียน ชื่อฝรั่ง หน้าเอเชีย บอกถึงชีวิตช่วงวัยเด็กที่ยากจะลืม "ภาษา วัฒนธรรม เครื่องแต่งกาย และความเชื่อกลายเป็นสิ่งต้องห้าม ตามนโยบายปฏิวัติวัฒนธรรมของพรรคคอมมิวนิสต์โซเวียต หลายพื้นที่ถูกเปลี่ยนเป็นเขตอุตสาหกรรม พื้นที่เนรเทศก็แปลงสภาพกลายเป็นค่ายกักกันแรงงาน ...ทุกอย่างที่เป็นไซบีเรีย หายไปหมดในช่วงนั้น"

แม้ทุกวันนี้ความเป็นไซบีเรียได้ฟื้นกลับมา หลังการล่มสลายของสหภาพโซเวียต แต่ประเพณีและวัฒนธรรมหลายอย่างยังอยู่ในภาวะตั้งไข่ เพราะผู้กูรูได้ล้มหายไปในช่วงปฏิวัติ รวมถึงโรงเรียนก็ไม่มีการสอนภาษาพื้นถิ่น หลายอย่างที่เราเห็นจึงเป็นบางส่วนของ 40,000 ปีที่ไซบีเรียนได้สร้างมา หนำซ้ำ ชาวไซบีเรียบางคนยังมองว่าตนนั้นถูกกลืนชาติ และโดยแย่งชิงทรัพยากรไปสู่ส่วนกลางเสียหมด ...เรารีบเปลี่ยนประเด็นเพราะเริ่มรู้สึกว่า คำถามเชิงสังคม กำลังแถมด้วยคำตอบเชิงการเมือง ...ทิ้งไว้แต่คำถามว่า ถ้าความเป็นชาติ กลืน "เชื้อ" ไปจนหมดแบบสิ้น วัฒนธรรม และความภูมิใจของเราอยู่ตรงไหน?

           

“ถึงรัสเซียเป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่ ไปไหนใครก็เกรง แต่เราภูมิใจที่จะบอกใครว่าเป็นคนไซบีเรียมากกว่าคนรัสเซีย...” ไซบีเรียนท่านหนึ่งได้กล่าวไว้...ก่อนเราเดินออกมา


PR-โปรแกรมผลบอล-2_B PR-โปรแกรมผลบอล-2_B
TOP ไลฟ์สไตล์
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ