รอยร้าว พลังประชารัฐ?
เป็นเรื่องเป็นข่าว
“เป็นเรื่อง เป็นข่าว” – ไพบูลย์ นิติตะวัน (รักษาการรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ) กล่าวว่า มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหลายท่านในพรรคพลังประชารัฐ อยากให้ พล.อ.ประวิตร มาเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แต่จะเป็นหรือไม่เป็นก็ต้องแล้วแต่ท่าน แต่ท่าน พล.อ.ประวิตร มีคุณาประโยชน์ ความอาวุโสเกิดกว่าความเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐด้วยซ้ำ แต่ถ้าท่านยอมเสียสละก็เป็นประโยชน์กับพรรคพลังประชารัฐ ส่วนบรรยากาศในพรรคพลังประชารัฐ ก็ไม่มีความขัดแย้งอะไร และเรื่อง ครม.ก็ยังไม่มีการปรับใดๆทั้งสิ้น ส่วนหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐคนเก่าในความเห็นส่วนตัว ท่านอาจจะเหมาะกับการทำงานแยกส่วนออกไปในฐานะรัฐมนตรีท่านทำงานได้ดีอยู่แล้ว แต่ทำงานในฐานะกรรมการบริหารพรรคท่านไม่ประชุม ประชุมครั้งหลังสุด 26 มกราคม ไม่ให้ความสำคัญในการประชุมกันเลย และประชุมก็ต้องเอาจริงเอาจังกัน จากเสียงสะท้อนไม่ดีเท่าที่ควรถูกท้วงติงเยอะ ดังนั้นการจะมีหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐคนใหม่ต้องเชื่อในสมาชิกของพรรคพลังประชารัฐ เพราะเป็นเรื่องของภายในพรรคพลังประชารัฐ.
ด้าน รศ.สุขุม นวลสกุล (อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง) ให้ความเห็นว่า ถ้าเราดูให้ดีพรรคพลังประชารัฐก็ได้รวมหลายพรรคเข้ามา ไม่ได้เป็นเอกภาพมาตั้งแต่ต้น แล้วแตกออกไปก็ไม่แปลกมันเป็นธรรมชาติของนักการเมือง เมื่อยังไม่ได้ผลประโยชน์ก็ต้องมีการเคลื่อนไหว และต้องยอมรับว่าพรรคพลังประชารัฐเกิดมาจากสามมิตร ครั้งนี้มีมิตรเดียวที่สมหวัง อีกสองมิตรก็ต้องดิ้นรนเป็นธรรมดา สามมิตรไม่ถึงขั้นแตกกัน แต่เมื่อไม่ได้ผลประโยชน์อีกสองมิตรก็ต้องจับมือกัน เพราะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ คือ คุณอุตตม ไม่สามารถเล่นบทบาทที่ทำให้อีกสองมิตรพอใจได้ วันนี้คนเป็นนักการเมืองก็กลัว เพราะท่าที พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นับวันจะให้ความสำคัญกับนักการเมืองน้อย ถ้าท่านให้ความสำคัญนักการเมืองน้อยก็ผิดหวังกันอีก เพราะส่วนใหญ่ท่านจะให้ความสำคัญกับข้าราชการเก่ามากกว่า แต่กลุ่มเคลื่อนไหวที่พยายามก็ คือ เข้าถึงนายกรัฐมนตรีไม่ได้ ส่วนท่าน พล.อ.ประวิตร คุยกันรู้เรื่องในทุกๆเรื่อง เพราะฉะนั้นตรงนี้เมื่อเขาไม่สามารถสะท้อนความคิดของพวกเขาผ่านหัวหน้าพรรคคนเก่าได้ ท่านนายกรัฐมนตรีไม่เคยฟัง แต่ถ้าท่าน พล.อ.ประวิตร เป็นคนพูดคิดว่าท่านนายกรัฐมนตรีฟังไหม และแน่นอนถ้าท่าน พล.อ.ประวิตร เป็นคนพูดท่านนายกรัฐมนตรีก็ต้องเกรงใจ.