แนะ รพ.สนาม เพิ่มเตียงอีก 5,000-10,000 เตียง
เป็นเรื่องเป็นข่าว
ศ.นพ.มานพ พิทักษ์ภากร หัวหน้าศูนย์วิจัยเป็นเลิศด้านการแพทย์แม่นยำ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล เห็นว่า มาตรการต่าง ๆ ที่ออกมาเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งได้เริ่มทำไปแล้วจะเห็นผลในอีก 14 วันข้างหน้า ซึ่งหวังว่ามาตรการต่าง ๆ ที่ออกมาจะเพียงพอ ซึ่งใน 7-10 วันจะรู้ว่าตัวเลขเป็นอย่างไร คงที่ หรือลดลง
"เรามองข้ามช็อตพอสมควร สมมติตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ทรง ๆ พันกว่าคน กว่าจะเห็นผลว่ามีผู้ติดเชื้อลดลง สมมติมองไปข้างหน้า 7 วัน ถึงตอนนั้นอาจมีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นหมื่นคน ขณะที่คนกักตัวเริ่มหายกลับบ้านได้ก็จะหมุนเวียนคนเข้าออก เพราะฉะนั้นเราต้องคาดไว้เลยว่าจำนวนเตียงในโรงพยาบาลสนามต้องเพิ่มขึ้นในช่วงนี้อย่างน้อย 5,000-10,000 เตียง ถ้าตรงนี้ยังรับไม่ได้ถึงไปถึงการกักตัวเองที่บ้าน"
ส่วนยาฟาวิพิราเสียนั้น สธ.ยืนยันว่ามีเพียงพอ เพราะยานี้ใช้เฉพาะผู้ป่วยโควิดที่มีอาการหนักตามข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ นอกจากนี้จำนวน 5 แสนเม็ดเพียงพอต่อการรักษาเพราะใช้กับคนไข้ส่วนน้อยเท่านั้น
ส่วนการฉีดวัคซีนของไทย ณ สถานการณ์ปัจจุบันต้องยอมรับว่ายังช้า แต่สิ่งแรกที่ต้องทำคือหยุดการระบาดก่อน ส่วนข้อกังวลผลข้างเคียงวัคซีนทำให้ลิ่มเลือดอุตันในวัคซีน 2 ชนิดนั้น ศ.นพ.มานพ ระบุว่า ภาวะนี้ที่สัมพันธ์กับวัคซีนนั้นอุบัติการณ์นี้น้อย ข้อมูลในยุโรป 1 ต่อ 3 แสน ถือว่าน้อยมาก ดังนั้นวัคซีนทั้งสองชนิดคือแอสตราเซเนกา และจอห์นสันฯ ฉีดได้เพราะโดยรวมความเสี่ยงน้อย ขณะที่ประโยชน์จากการฉีดวัคซีนมีมากกว่า