ส่วยอุทยานฯ
เขย่าระบบราชการไทย

รู้จักศัพท์ส่วย
-
เคาะกะลา
แปลว่า ?
-
แมวมอง
แปลว่า ?
-
ผูกแพ
แปลว่า ?

รู้จักศัพท์ส่วย

เคาะกะลา
หมายถึง
การแต่งตั้งโยกย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตำแหน่งโดยไม่มีเหตุผล
เพื่อกดดันให้เกิดการเรียกรับผลประโยชน์
แลกกับการคืนหรือให้ตำแหน่งใหม่

รู้จักศัพท์ส่วย

แมวมอง
หมายถึง
นายหน้าหรือตัวแทนของผู้มีอำนาจ ทำหน้าที่เจรจากับกลุ่มเป้า
หมาย เพื่อยื่นข้อเสนอแลกรับผลประโยชน์กับการคืน
หรือให้ตำแหน่งใหม่

รู้จักศัพท์ส่วย

ผูกแพ
หมายถึง
การรวมกลุ่มของเจ้าหน้าที่ เพื่อลงขันจ่ายเงินซื้อตำแหน่ง
และส่งตัวแทนเข้าไปรับตำแหน่ง
เพื่อสร้างลู่ทางการหาประโยชน์เพิ่มเติม
27 ธันวาคม 2565
เจ้าหน้าที่เข้าจับกุม นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา
อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
คาห้องทำงาน ในคดีเรียกรับเงินลูกน้อง
แลกกับการไม่ถูกโยกย้ายตำแหน่ง

ผลการตรวจค้นห้องทำงาน
พบกระเป๋าและซองสีน้ำตาล
บรรจุเงินสด 21 รายการ
รวม 4.8 ล้านบาท
บางซองเขียนข้อความคล้ายเป็นชื่อ
หน่วยงานในสังกัดกรมอุทยานฯ หลายแห่ง





เบื้องหลังการจับกุมปรากฎชื่อ นายชัยวัฒน์
ลิ้มลิขิตอักษร
ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่
อนุรักษ์ที่ 9 (อุบลราชธานี) ได้
ร้องเรียน และร่วม
ปฏิบัติการกับตำรวจ ปปป. , ป.ป.ช. และ
ป.ป.ท.
ซึ่งเขาอ้างว่า อธิบดีกรมอุทยานฯมีการเรียกรับ
ส่วย
หลายรูปแบบ มูลค่าตั้งแต่หลักพันบาทจน
ถึงหลักแสนบาท

ผ่านไปเพียง 1 วัน นายกรัฐมนตรี
มีคำสั่งย้ายนายรัชฎา
ออกจากตำแหน่ง
เปิดทางให้มีการสอบสวนข้อเท็จจริง
5 มกราคม 2566 คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จ
จริงมีมติเสนอ
ให้รัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากร
ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ตั้งกรรมการสอบสวน
วินัยร้ายแรงมีกรอบเวลา 30 วัน
ในการดำเนินการ





อดีตหัวหน้าอุทยานฯแห่งหนึ่ง
เปิดเผยข้อมูลว่า
การเรียกรับส่วยจะทำกันเป็น
ขบวนการ
ตั้งแต่ออกคำสั่งโยกย้าย
และส่งแมวมองเข้าหาเป้าหมาย
เพื่อยื่นข้อเสนอแลกรับผลประโยชน์

ขณะที่ นายดำรงค์ พิเดช
อดีตอธิบดีกรมอุทยานฯ ยอมรับว่า
ในอดีต
มีวิธีเรียกรับผลประโยชน์หลายรูปแบบ
แต่ขึ้นอยู่กับผู้บริหารแต่ละยุคว่าสนใจ
เรื่องเหล่านี้แค่ไหน


กรมอุทยานฯ
ถูกวิพากษ์วิจารณ์และตั้งคำถามอีกหลายประเด็น
โดยเฉพาะผลประเมินคุณธรรมและความโปร่งใส
หรือ ITA
ที่พบว่าได้เกรด A ติดต่อกัน 4 ปีซ้อน
แม้ว่า ป.ป.ช.จะชี้แจงว่า
เป็นแค่การประเมินตนเองของหน่วยงานก็ตาม

จากประเด็นเรียกรับส่วยที่เกิดขึ้นในส่วนราชการ
ระดับ “กรม”
ส่งผลให้สังคมกลับมาตั้งคำถามถึง
ราชการทั้งระบบ
ถึงเวลาที่จะต้องผลักดันให้เกิด
การปฏิรูปอย่างจริงจังหรือไม่
หรือจะปล่อยให้
เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่ผ่านมาแล้วผ่านไป

