“โซลชาร์” เปิดตัวสุดหรู! คุม “แมนฯยูไนเต็ด” กระซวกโหด “คาร์ดิฟฟ์” 5-1
สื่อนอกตีข่าว “บาร์ซ่า” เล็งทุ่ม 87 ล้านปอนด์ ล่าตัว “แรชฟอร์ด”
แฟรงค์ แลมพาร์ด กุนซือ เชลซี ดร็อปตัวหลักอย่าง เมสัน เมาน์ท กับ แทมมี อบราฮัม นั่งสำรอง ส่ง มิชี บาตชัวยี ยืนศูนย์หน้าตัวเป้า ประสานงาน คริสเตียน พูลิซิช และ คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย ล่าตาข่าย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่มี มาร์คัส แรชฟอร์ด , เจสซี ลินการ์ด และ แดเนียล เจมส์ เป็นทีเด็ดแนวรุก
เกมผลัดกันรุกและรับ กระทั่งนาที 24 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้จุดโทษ มาร์กอส อลอนโซ แบ็กซ้าย แหย่ขาสกัด แดเนียล เจมส์ ล้มลง มาร์คัส แรชฟอร์ด สังหารขึ้นนำ 1-0 เขลซี พลาดโอกาสทองครึ่งหลัง นาที 50 อลอนโซ เปิดเรียดให้ คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย แปโดนไม่เต็ม บอลหลุดเสาไกล
เจ้าถิ่น กดดันต่อเนื่อง นาที 57 คริสเตียน พูลิซิช วางบอลยาวให้ คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย ยิงลูกใบไม้ร่วงข้ามคานนิดเดียว ก่อนความพยายามสัมฤทธิ์ผล นาที 61 มิชี บาตชัวยี กระชากหนีแผงแนวรับ แล้วตะบันด้วยขวานอกเขตเสียบมุม ตีเสมอ 1-1
อย่างไรก็ตาม สาวก "เรด เดวิลส์" ส่งเสียงเฮอีกครั้ง นาที 73 มาร์คัส แรชฟอร์ด ซัดฟรีคิกย้อยข้ามมือ วิลลี คาบาเยโร นายทวาร สุดสวย หนีไปเป็น 2-1 จบเกม แมนฯ ยูไนเต็ด บุกย้ำแค้น นับตั้งแต่เอาชนะ 4-0 เกมเปิดซีซัน พรีเมียร์ ลีก ที๋โอลด์ แทรฟฟอร์ด รอลุ้นผลประกบคู่ วันที่ 31 ต.ค. ต่อไป
