“สิงห์บลู” เพิ่งถูก บาเยิร์น มิวนิค บุกถล่มถึงถิ่น 0-3 ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อกลางสัปดาห์ รวมถึงทำได้แค่เสมอกับ บอร์นมัธ ในเกมพรีเมียร์ลีกนัดล่าสุด ทำให้ทีมเก็บชัยชนะไปได้แค่เพียงนัดเดียว จาก 5 นัดหลังสุดในทุกถ้วยทุกรายการ
“อาร์เซน่อล” บุกอัด “พอร์ทสมัธ” 2-0 ลิ่ว 8 ทีม เอฟเอคัพ
อย่างไรก็ตามถึงแม้จะอยู่ในฟอร์มที่ย่ำแย่ รวมถึงยังมีปัญหาเรื่องนักเตะตัวหลักบาดเจ็บหลายคนทั้ง เอ็นโกโล่ ก็องเต, แทมมี่ อบราฮัม, คริสเตียน พูลิซิช และ คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย แต่ทาง แลมพาร์ด ก็ยืนยันว่า ในเกมที่จะเปิดบ้านพบกับ ลิเวอร์พูล ในศึกเอฟเอคัพ รอบ 5 ค่ำคืนนี้ เขาจะส่งผู้เล่นชุดที่ดีที่สุดลงสนาม โดยมีเป้าหมายเพื่อพยายามที่จะเอาชนะทีมดีที่สุดในลีกตอนนี้ให้ได้
ด้าน เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือลิเวอร์พูล ไม่ยอมเปิดเผยว่า เขาจะส่งนักเตะชุดสำรอง หรือตัวหลักลงเล่นกับ เชลซี ในคืนนี้ แต่ขอยืนยันว่า จะเป็นผู้เล่นที่พร้อมสำหรับการลงสนามมากที่สุด เพราะ ลิเวอร์พูล ลงเล่นโดยมีเป้าหมายคือการเข้ารอบต่อไป นอกจากนี้กุนซือชาวเยอรมัน ยังกระตุ้นบรรดานักเตะให้ลืมฟอร์มอันน่าผิดหวังทั้งเกมที่แพ้ แอตเลติโก มาดริด ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก กับ แพ้ วัตฟอร์ด เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และเดินหน้าเก็บชัยชนะต่อไปเพื่อการันตีการเป็นแชมป์ลีกให้เร็วที่สุด และหันมาโฟกัสในฟุตบอลถ้วยที่เหลือ
“เอฟเอ” บินถก “ยูฟ่า” รับมือผลกระทบ โควิด-19
ด้าน นีล คริทช์ลี่ย์ กุนซือลิเวอร์พูลชุดอายุไม่เกิน 23 ปี ที่เป็นคนคุมทีมลงเตะฟุตบอลคาราบาวคัพ รอบ 8 ทีมสุดท้าย และเกมเอฟเอคัพ รอบ 4 กับ ชรูว์สบิวรี่ ถูก แบล็คพูล ทีมอันดับ 13 ในลีกวันดึงไปคุมทีมเป็นที่เรียบร้อย หลังสโมสรปลด ไซม่อน เกรย์สัน ออกไปจากตำแหน่งเมื่อ 12 ก.พ.ที่ผ่านมา
โดย คริทช์ลีย์ วัย 41 ปี เริ่มทำงานกับ ลิเวอร์พูล ในการคุมทัพเยาวชนรุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี เมื่อเดือน ก.ย. ปี 2013 ก่อนก้าวขึ้นมาคุมทีมชุดยู-23 และมีส่วนสำคัญในการปั้น เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แบ็คขวาตัวเก่งขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่ รวมถึงตอนนี้ก็กำลังปั้นนักเตะอีกหลายคนทั้ง เคอร์ติส โจนส์ หรือ เนโก วิลเลียมส์
Photo : GLYN KIRK / AFP