วิเคราะห์บอล !! พรีเมียร์ลีก "แมนฯ ซิตี้" พบ "เชลซี" 8 พ.ค. 64
เปิดข้อมูลน่าสนใจหลัง เชลซี เข้าชิง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก
“เชลซี” ทีมแรกของโลกชิง UCL ทั้งชาย-หญิง
ปรีวิว ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบชิงชนะเลิศ
เสาร์ที่ 29 พฤษภาคม 2564
(1/พรีเมียร์ลีก) แมนฯ ซิตี้- เชลซี (4/พรีเมียร์ลีก)
สนาม : เอสตาดิโอ โด ดราเกา (โปรตุเกส) เวลาคิกออฟ : 02.00 น.
ผู้ตัดสิน : อันโตนิโอ มาเตอู ลาฮอซ (สเปน)
ผลงานการพบกัน 5 นัดหลังสุด
8 พ.ค.2564 แมนฯ ซิตี้ 1-2 เชลซี (พรีเมียร์ลีก)
17 เม.ย.2564 เชลซี 1-0 แมนฯ ซิตี้ (เอฟเอ คัพ)
3 ม.ค.2564 เชลซี 1-3 แมนฯ ซิตี้ (พรีเมียร์ลีก)
26 มิ.ย.2563 เชลซี 2-1 แมนฯ ซิตี้ (พรีเมียร์ลีก)
24 พ.ย.2562 แมนฯ ซิตี้ 2-1 เชลซี (พรีเมียร์ลีก)
แมนฯ ซิตี้
ผลงานใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลนี้
รอบแบ่งกลุ่ม : แชมป์กลุ่ม ซี, ชนะ ปอร์โต้ 3-1 (เหย้า), ชนะ โอลิมปิก มาร์กเซย 3-0 (เยือน), ชนะ โอลิมเปียกอส 3-0 (เหย้า), ชนะ โอลิมเปียกอส 1-0 (เยือน), เสมอ ปอร์โต้ 0-0 (เยือน), ชนะ โอลิมปิก มาร์กเซย 3-0 (เหย้า)
รอบ 16 ทีมสุดท้าย : ชนะ โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค 4-0 (2-0 เยือน, 2-0 เหย้า) สนามกลาง
รอบ 8 ทีมสุดท้าย : ชนะ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ 4-2 (2-1 เหย้า, 2-1 เยือน)
รอบรองชนะเลิศ : ชนะ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง 4-1 (2-1 เยือน, 2-0 เหย้า)
ผลงาน 5 นัดหลังสุด
23 พ.ค.2564 ชนะ เอฟเวอร์ตัน 5-0 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก
19 พ.ค.2564 แพ้ ไบรท์ตัน 2-3 (เยือน) พรีเมียร์ลีก
15 พ.ค.2564 ชนะ นิวคาสเซิ่ล 4-3 (เยือน) พรีเมียร์ลีก
8 พ.ค.2564 แพ้ เชลซี 1-2 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก
4 พ.ค.2564 ชนะ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง 2-0 (เหย้า) ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
สภาพทีมแมนฯ ซิตี้
เป๊ป กวาดิโอล่า พาทีมปิดฉากพรีเมียร์ลีก ด้วยการถล่ม เอฟเวอร์ตัน 5-0 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทำให้คว้าดับเบิ้ลแชมป์ไปแล้วในฤดูกาลนี้ (คาราบาว คัพ,พรีเมียร์ลีก) เกมนี้จะได้ ชูเอา กานเซโล่ แนวรับสารพัดประโยชน์ กลับมาจากโทษแบนในลีก ส่วน อิลคาย กุนโดกัน ล่าสุดเจ็บต้นขาขวาจากการซ้อมอย่่างเป็นทางการ ต้องลุ้นว่าจะฟิตทันลงเป็นตัวจริงหรือไม่ ส่วน เควิน เดอ บรอยน์ ต้องดูว่าจะได้ยืนเชื่อมเกมกลางสนามหรือจะถูกจับดันไปเล่นในแบบ ฟลอส์ไนน์ เซร์คิโอ อเกวโร่ ดาวซัลโวตลอดกาลของทีม แม้จะทำ 2 ประตูในเกมพรีเมียร์ลีกนัดสุดท้าย แต่คงจะถูกใส่ชื่อเป็นซูเปอร์ซับเหมือนเดิม
ผู้เล่น 11 คนแรกที่คาดว่าจะลงสนาม
แมนฯ ซิตี้ (4-3-3) : เอแดร์ซอน โมราเอส; ไคล์ วอล์คเกอร์, จอห์น สโตนส์, รูเบน ดิอาส, ชูเอา กานเซโล่ ; เควิน เดอ บรอยน์, แฟร์นันดินโญ่,อิลคาย กุนโดกัน ; ริยาด มาห์เรซ, กาเบรียล เชซุส, ฟิล โฟเด้น
เชลซี
ผลงานใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลนี้
รอบแบ่งกลุ่ม : แชมป์กลุ่ม อี, เสมอ เซบีย่า 0-0 (เหย้า), ชนะ คราสโนดาร์ 4-0 (เยือน), ชนะ แรนส์ 3-0 (เหย้า), ชนะ แรนส์ 2-1 (เยือน), ชนะ เซบีย่า 4-0 (เยือน), เสมอ คราสโนดาร์ 1-1 (เหย้า)
รอบ 16 ทีมสุดท้าย : ชนะ แอตเลติโก มาดริด 3-0 (1-0 เยือน, 2-0 เหย้า)
รอบ 8 ทีมสุดท้าย : ชนะ ปอร์โต้ 2-1 (2-0 เยือน, 0-1 เหย้า) สนามกลาง
รอบรองชนะเลิศ : ชนะ เรอัล มาดริด 3-1 (1-1 เยือน, 2-0 เหย้า)
ผลงาน 5 นัดหลังสุด
23 พ.ค.2564 แพ้ แอสตัน วิลล่า 1-2 (เยือน) พรีเมียร์ลีก
18 พ.ค.2564 ชนะ เลสเตอร์ 2-1 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก
15 พ.ค.2564 แพ้ เลสเตอร์ 0-1 (กลาง) เอฟเอ คัพ
12 พ.ค.2564 แพ้ อาร์เซน่อล 0-1 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก
8 พ.ค.2564 ชนะ แมนฯ ซิตี้ 2-1 (เยือน) พรีเมียร์ลีก
สภาพทีมเชลซี
โธมัส ทูเคิ่ล เกมนี้น่าจะได้ เอดูอาร์ เมนดี้ ที่ถูกเปลี่ยนตัวออกในช่วงพักครึ่งที่แพ้แอสตัน วิลล่า 1-2 กลับมาเฝ้าเสา เช่นเดียวกับ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ที่ไม่มีชื่อในเกมเดียวกันนั้น จะสมบูรณ์กลับมาช่วยเก็บกวาดพื้นที่กลางสนาม โดยทั้งคู่กลับมาซ้อมตั้งแต่เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ส่วน เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า แม้จะถูกไล่ออกในเกมที่ วิลล่า ปาร์ค แต่ไม่ส่งผลกระทบสำหรับเกมนี้โดยยังสามารถประจำการในแนวรับได้เช่นเดิม แดนกลาง มัตเตโอ โควาซิซ น่าจะได้สตาร์ตก่อน จอร์จินโญ่ ขณะที่เกมรุกต้องลุ้นว่า คริสเตียน พูลิซิซ หรือ ไค ฮาแวร์ตซ์ จะได้ยืนทำเกมร่วมกับ เมสัน เมาท์ โดยมี ติโม แวร์เนอร์ ยืนเป็นหน้าเป้า
ผู้เล่น 11 คนแรกที่คาดว่าจะลงสนาม
เชลซี (3-4-2-1 ) : เอดูอาร์ เมนดี้ ; เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า, ติอาโก้ ซิลวา, อันโตนิโอ รือดิเกอร์ ; รีช เจมส์, เอ็นโกโล่ ก็องเต้, มัตเตโอ โควาซิซ, เบน ชิลเวลล์; เมสัน เมาท์, คริสเตียน พูลิซิซ ; ติโม แวร์เนอร์
เกร็ดน่าสนใจก่อนเกม
-เกมนี้ถือเป็นการพบกันนัดที่ 169 ของทั้งคู่ในทุกรายการ โดยที่ผ่านมา แมนฯ ซิตี้ ชนะ 59 นัด เชลซี ชนะ 70 นัด เสมอ 39 นัด
-เกมคู่ชิงนัดนี้ถือเป็นครั้งที่ 7 ที่ทีมจากลีกเดียวกันโคจรมาเจอกันเอง และถือเป็นครั้งที่ 3 ที่ทีมจากพรีเมียร์ลีกทะลุเข้ามาชิง โดยก่อนหน้านี้ เป็น เชลซี ชิงกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในฤดูกาล 2007-2008 และ ลิเวอร์พูล พบ ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ในฤดูกาล 2018-2019
-เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสรที่ แมนฯ ซิตี้ เข้าชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
-หาก แมนฯ ซิตี้ ชนะในแม็ตช์นี้จะกลายเป๋นทีมที่ 23 ที่ชนะในเกมถ้วยใหญ่ของยุโรป และจะกลายเป็นทีมใหม่ ที่คว้าแชมป์รายการนี้นับตั้งแต่ เชลซี เคยทำไว้เมื่อปี 2012
-เชลซี ผ่านเข้าชิงเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เข้าชิงครั้งหลังสุดเมื่อปี 2012 ซึ่งในครั้งนั้นได้แชมป์ ด้วยการดวลจุดโทษชนะ บาเยิร์น ส่วนอีกหนึ่งครั้งที่ทีมผ่านเข้าชิงคือในปี 2008 แต่ต้องแพ้ให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ในการดวลจุดโทษเช่นกัน
-เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เข้ารอบชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นครั้งที่ 3 ในอาชีพกุนซือโดย 2 ครั้งก่อนหน้านี้เกิดขึ้นกับ บาร์เซโลน่า คว้าแชมป์ทั้งฤดูกาล 2008-2009 และ 2010-2011 และหากสามารถพา แมนฯ ซิตี้ เป็นแชมป์ได้ จะกลายเป็นกุนซือทีคว้าแชมป์รายการนี้ 3 สมัย เทียบเท่ากับ บ็อบ เพสลีย์, คาร์โล อันเชล็อตติ และซีเนดีน ซีดาน
-เซร์คิโอ อเกวโร่ ดาวซัลโวตลอดกาลของทีมที่ทำไป 260 ประตู จะลงเล่นให้แมนฯ ซิตี้เป็นนัดสุดท้าย หลังค้าแข้งอยู่กับทีมมากว่าทศวรรษ โดยที่ผ่านในการพบกับ เชลซี 22 เกม แข้งทีมชาติอาร์เจนติน่า ทำไป 15 ประตู
-โธมัส ทูเคิ่ล เป็นคนแรกใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่พาทีมเข้าชิง 2 ปีซ้อน โดยฤดูกาลที่ผ่านมา พา ปารีส แซงต์ แชร์กแมง เข้าชิง แต่ไปแพ้ บาเยิร์น มิวนิค 0-1
-ติอาโก้ ซิลวา กองกลังดีกรีทีมชาติบราซิล เข้าชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ติดต่อกันกับ 2 สโมสร โดยปีที่ผ่านมาเข้าชิงในฐานะนักเตะ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง
-คริสเตียน พูลิซิซ กลายเป็นนักเตะสหรัฐอเมริกาคนแรก ที่ได้ผ่านเข้ามาเล่นในรอบชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
-เอดูอาร์ เมนดี้ เก็บคลีนชีต 8 จาก 11 นัดในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลนี้ ซึ่งมากกว่าผู้รักษาประตูในลีกอังกฤษ ที่เคยทำได้ในประวัติศาสตร์ รวมถึงมากกว่า เอแดร์ซอน โมราเอส ที่ทำได้เพียง 7 คลีนชีตในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลนี้
-แมนฯ ซิตี้ ชนะตลอด 7 นัดหลังสุดใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นสถิติชนะที่ยาวนานที่สุดสำหรับทีมจากอังกฤษใน ยูโรเปี้ยน คัพ หรือ ฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก โดยอีก 3 ทีมชนะแค่ 6 นัดได้แก่ แมนฯ ยูไนเต็ด (1965-1966), ลีดส์ ยูไนเต็ด (1969-1970) และ อาร์เซน่อล (2005)
-แมนฯ ซิตี้ เป็นทีมจากอังกฤษทีมแรกที่ชนะถึง 11 นัดใน ยูโรเปี้ยน คัพ หรือ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซีซั่นเดียวทำลายสถิติของ แมนฯ ยูไนเต็ด (10 นัด)
ขอบคุณภาพ : www.uefa.com