วิเคราะห์บอล !! พรีเมียร์ลีก วัตฟอร์ด พบ ลิเวอร์พูล 16 ต.ค.64


โดย PPTV Online

เผยแพร่




วิเคราะห์ พรีเมียร์ลีก วัตฟอร์ด พบ ลิเวอร์พูล

ปรีวิว พรีเมียร์ลีก อังกฤษ

เสาร์ที่ 16 ตุลาคม 2564

(15) วัตฟอร์ด-ลิเวอร์พูล (2)

สนาม :  วิคาเรจ โร้ด เวลาคิกออฟ : 18.30 น.

ผู้ตัดสิน :   โจนาธาน มอสส์

ผลงานการพบกันในฤดูกาลที่ผ่านมา

ไม่ได้พบกัน

 

วัตฟอร์ด

ผลงานนัดหลังสุด

2 ต.ค. 2564      แพ้     ลีดส์ ยูไนเต็ด          0-1 (เยือน) พรีเมียร์ลีก   

25 ก.ย.2564    เสมอ      นิวคาสเซิล           1-1 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก   

21 ส..2564    แพ้        สโต๊ค ซิตี้             1-3 (เหย้า)  คาราบาว คัพ

 

ทางการ วัตฟอร์ด ประกาศตั้ง รานิเอรี่ คุมทีมสัญญา 2 ปี

“ลิเวอร์พูล” ส่อไร้ 6 แข้งหลักดวล “วัตฟอร์ด”

 

18 ส..2564   ชนะ        นอริช                            3-1 (เยือน) พรีเมียร์ลีก       

11 ส.ค.2564   แพ้        วูล์ฟแฮมป์ตัน                 0-2 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก          

สภาพทีมสภาพทีม

วัตฟอร์ด เกมล่าสุดบุกไปแพ้ ลีดส์ 0-1 และนั่นถือเป็นนัดสุดท้ายของ ชิสโก้ มูนญอซ ที่ได้คุมทีมก่อนถูกปลดออก โดยเกมนี้ เคลาดิโอ รานิเอรี่ บอสชาวอิตาเลี่ยน จะลงคุมทีมเป็นนัดแรก และจะพลาดใช้งาน ฟรานซิสโก้ เซียร์รัลต้า เซ็นเตอร์ฮาล์ฟตัวหลัก ที่เจ็บแฮมสตริงจากเกมลีกนัดล่าสุด ต้องพักอย่างน้อย 2 สัปดาห์ คาดว่าจะเป็น เคธ แคธคาร์ท  ที่ลงไปแทน เนื่องจาก คริสติย็อง คาบาเซเล่ ยังเจ็บอยู่เช่นกัน  ในเกมรุก โจชัว คิง ที่เจ็บเข่าถูกเปลี่ยนตัวออกจากเกมเดียวกันต้องรอการประเมิน หากไม่พร้อม เคน เซม่า มีโอกาสได้ยืนตัวจริงในตำแหน่งริทเส้น และใช้ เอ็มมานูเอล เดนนิส เป็นหน้าเป้า ในรายของ นิโคลัส เอ็นคูลู อีกหนึ่งแนวรับที่ย้ายมาฟรีหลังหมดสัญญากับโตริโน่ ความฟิตไม่ถึงที่จะสตาร์ตในเกมนี้ ปีเตอร์ เอเตโบ้ อีกหนึ่งแข้งเจ็บหนักพักถึง 5 เดือน

ผู้เล่น 11 คนแรกที่คาดว่าจะลงสนาม

วัตฟอร์ด (4-2-3-1) : เบน ฟอสเตอร์ ; กิโก้ เฟเมเนีย, วิลเลี่ยม ทรูสต์-เอก็อง, เคธ แคธคาร์ท, แดนนี่ โรส; ยูราจ์ คุชก้า, มุสซ่า ซิสโซโก้ ;  อิสไมล่า ซาร์, โอซาน ทูฟาน, เคน เซม่า; เอ็มมานูเอล เดนนิส

ลิเวอร์พูล

ผลงานนัดหลังสุด

3 ต.ค. 2564    เสมอ แมนฯ ซิตี้             2-2 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก

28 ก.ย.2564    ชนะ ปอร์โต้                     5-1 (เยือน) ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 

25 ก.ย.2564     เสมอ เบรนท์ฟอร์ด          3-3 (เยือน) พรีเมียร์ลีก

21 ส..2564    ชนะ นอริช                      3-0 (เยือน) คาราบาว คัพ     

19 ส..2564   ชนะ คริสตัล พาเลซ          3-0 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก

 

สภาพทีมลิเวอร์พูล

เจอร์เก้น คล็อปป์ ได้รับข่าวดีเมื่อ ดีโอโก้ โชต้า กองหน้าที่เจ็บไปก่อนหน้านี้จะฟิตพร้อมลงเล่นในเกมกับ วัตฟอร์ด แต่ต้องลุ้นว่าจะได้ยืนตัวจริง หรือเป็นโอกาสของ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ด้าน เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ฟูลแบ็กขวา กลับมาซ้อมได้ตามปกติแล้วพร้อมสตาร์ต ขณะที่ อลีสซอน เบ็คเกอร์ ผู้รักษาประตูมือ 1 และ ฟาบินโญ่ กองกลางตัวรับ จะไม่ได้เล่น โดยจะบินกลับจากการเล่นให้ทีมชาติบราซิล ในศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนอเมริกาใต้ ไปรอที่สเปน เพื่อเล่นในเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก กับ แอต.มาดริด ในวันอังคารที่จะถึงนี้เลย ด้าน เคอร์ติส โจนส์ มีอาการบาดเจ็บติดมาหลังไปเล่นให้ทีมชาติอังกฤษ รุ่นอายุต่ำกว่า 21 ปี พลาดลงเช่นกัน ส่วน ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ มิดฟิลด์ดาวรุ่ง อยู่ระหว่างพักฟื้นผ่าตัดข้อเท้าบิด เช่นเดียวกับ ติอาโก้ อัลกันตาร่า ยังคงต้องรักษาอาการบาดเจ็บน่องต่อไป

 

ผู้เล่น 11 คนแรกที่คาดว่าจะลงสนาม

ลิเวอร์พูล (4-3-3) : ควีวิน เคลเลเฮอร์; เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โฌเอล มาติป, เฟอร์กิล ฟาน ไดจ์ค, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ; เจมส์ มิลเนอร์, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, นาบี เกอิต้า; โมฮาเหม็ด ซาล่าห์, ดีโอโก้ โชต้า, ซาดิโอ มาเน่

 

เกร็ดน่าสนใจก่อนเกม

-พบกันในพรีเมียร์ลีก มาแล้ว 14 นัด วัตฟอร์ด ชนะ 3 ลิเวอร์พูล ชนะ 10 และเสมอกันไปเพียง 1 นัด  

-ถือเป็นการพบกันครั้งแรกของทั้ง 2 ทีม นับตั้งแต่ครั้งหลังสุดที่พบกันเดือนกุมภาพันธ์ 2020 ซึ่งในเกมนั้น วัตฟอร์ด ชนะ 3-0 พร้อมกับเป็นการหยุดสถิติไม่แพ้ใครของ ลิเวอร์พูล ในลีก 44 นัดติดต่อกันลง นอกจากนี้ทีม “แตนอาละวาด” ยังหยุดสถิติไม่ชนะ ลิเวอร์พูล 8 เกมในลีกลงด้วยเช่นกัน

-ในการพบกัน 6 ครั้งเกมลีกของทั้งคู่ที่ วิคาเรจ โร้ด จะได้เห็นอย่างน้อยหนึ่งทีมทำประตูได้ถึง 3 ประตู โดยวัตฟอร์ด เคยทำได้ถึง 3 ครั้งและลิเวอร์พูล 4 ครั้ง (รวมถึงเสมอ 3-3 ในเดือนสิงหาคม 2017)

-วัตฟอร์ด 17 เกมหลังในพรีเมียร์ลีก ไม่สามารถเก็บคลีนชีทได้เลย
-เคลาดิโอ รานิเอรี กุนซือคนใหม่วัตฟอร์ด ชนะ 4 จาก 5 เกมในการเล่นในบ้านเกมลีก เมื่อพบ ลิเวอร์พูล ซึงอีกหนึ่งนัดแพ้ โดยบรรดาผู้จัดการทีมทั้งหมดที่เคยพาทีมเผชิญหน้ากับ “หงส์แดง” 5 ครั้ง กุนซือชาวอิตาเลี่ยนรายนี้มีอัตราการชนะเกมในบ้านสูงที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก (80 เปอร์เซ็นต์)

-ซาดิโอ มาเน่ ยิงไปแล้ว 99 ประตูในพรีเมียร์ลีก และหากทำประตูได้ในเกมนี้จะกลายเป็นผู้เล่นแอฟริกันคนที่สามที่ทำได้ 100 ประตูในลีก ต่อจาก ดิดิเยร์ ดร็อกบา และโมฮาเหม็ด ซาล่าห์

-โมฮาเหม็ด ซาล่าห์  ทำประตูได้ในการลงเล่น 7 นัดหลังสุดในทุกรายการให้กับลิเวอร์พูล

แต่ก็ยังไม่เคยยิงประตูติดต่อกันถึง 8 นัดในอาชีพค้าแข้งใน 5 ลีกใหญ่ของยุโรป

 

 

TOP ข่าวกีฬา
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ