คอลัมน์ ต้น...ทางฟุตบอล by ต้น วโรดม : หงส์จิกไก่ตายบนปากโอ่ง


โดย PPTV Online

เผยแพร่




คอลัมน์ ต้น...ทางฟุตบอล by ต้น วโรดม

          ชัยชนะของลิเวอร์พูลต่อ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ นอกจากจะเป็นการปลุกวิญญาณพญาหงส์ที่หายไปนานจนแทบไม่เหลือเค้าลางทีมลุ้นแชมป์แล้ว ยังเป็นการทำให้ศึกพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้กลายเป็นปีที่บี้แย่งอันดับไปเล่นยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ลีกกันอย่างที่เรียกว่าหายใจรดต้นคอกันเลยทีเดียว เพราะ ตั้งแต่ทีมอันดับ 2 (แมนเชสเตอร์ ซิตี้) จนถึงทีมอันดับ 6 (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด) มีคะแนนห่างกันเพียงแค่ 4 คะแนน เท่านั้น เป็นปรากฎการณ์ที่หาได้ยากเอามากๆในรอบหลายปีหลัง กับเกมที่เหลืออยู่เพียง 13 เกม ใครพลาดมีสิทธิ์ที่ต้องพูดได้เลยว่า น้ำตาตก แน่นอน !!

          ย้อนกลับมาในเกมคู่บิ๊กแมทซ์ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ลิเวอร์พูล ที่ฟอร์มกระท่อนกระแท่นไม่ชนะใครมาเลยใน 5 เกมหลังสุดในพรีเมียร์ลีก (เสมอ 3 แพ้ 2) ต้องเปิดบ้านรับแขกจากกรุงลอนดอนที่กำลังฟอร์มเข้าฝักอย่างท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ทีมเยือนนี่เล่นดีถึงขนาดรั้งอันดับ 2 ของตารางคะแนน กองหน้าอย่าง แฮรี่ เคน คือ กองหน้าฟอร์มฮอตที่สุดในตั้งแต่เปลี่ยนปีค.ศ.มาเป็น 2017 ยิง 6 ประตูแล้วในลีก นอกจากเกมรุกจะเด็ดดวงแล้ว ทีมไก่เดือยทอง ยังเป็นทีมที่มีสถิติเสียประตูน้อยที่สุดในลีกอีกต่างหาก (16 ประตู) สถิติเหล่านี้ถ้าเอามากางวัดกันแล้ว ทีมเจ้าบ้านแทบไม่มีจุดไหนเลยที่จะเอามาข่มทีมเยือนได้ในเวลานี้ ลิเวอร์พูลกำลังอยู่ในช่วงถูกทดสอบวิกฤตศรัทธาอย่างรุนแรง ฟอร์มการเล่นในช่วง 40 วันที่ผ่านมาต้องบอกว่ายากที่จะยอมรับได้ โดยเฉพาะเกมล่าสุดที่ออกไปแพ้ ฮัลล์ ซิตี้ แบบหมดรูป 2-0 นั่นยิ่งทำให้กองเชียร์ เดอะ ค็อป ทั้งไทยและเทศออกมาวิพากษ์วิจารณ์ทีมอย่างสารพัด ลามไปถึง เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่โดนหางเลข โดนด่า โดนไล่ไปกับเขาด้วย นี่ไงที่ผมเรียกเหตุการณ์นี้ว่าเป็น วิกฤตศรัทธาของแฟนบอล เขาบอกว่าเวลาจะรู้ว่าใครรักกันจริง ก็ต้องดูตอนที่มีปัญหาแบบนี้แหละ ว่าจะยืนหยัดแล้วอดทนไปกับเหตุที่เกิดขึ้นได้ไหม ไม่ใช่แค่แฟนบอลนะ รวมไปถึงนักเตะในทีมด้วยว่า พอเจอสถานการณ์กดดันที่ต้องรวมใจกัน พวกเขาพร้อมที่จะสู้เพื่อเจ้านายหรือไม่

          นับว่าเทพีแห่งโชคยังเข้าข้าง เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่ส่งท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์มาเป็นเกมสำคัญที่จะทดสอบศรัทธา ด้วยสไตล์การเล่นที่คล้ายคลึงกัน สเปอร์สเชื่อในศักยภาพผู้เล่นทีมตัวเองว่าด้วยความสามารถที่มี ทีมพวกเขาสามารถเอาชนะลิเวอร์พูลได้โดยไม่ต้องเน้นแทคติกจ๋าแบบทีมเล็กๆหรือทีมกลางตาราง นั่นทำให้สเปอร์เลือกที่จะมาบุกกดดันแลกหมัดกับทีมเจ้าถิ่นมากกว่าที่จะเน้นเกมตั้งรับแน่นๆแล้วรอจังหวะให้ทีมเจ้าบ้านพลาด แบบที่ลิเวอร์พูลชอบโดนในระยะหลัง นั่นทำให้ทีมเจ้าบ้านได้เล่นในเกมของตัวเอง ถ้าจะบอกว่า เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ วางแทคติกพลาดก็คงพูดได้ไม่เต็มปาก แต่หากโปเช็ตติโน่เลือกที่จะมาตั้งรับและสวนกลับ เน้นเอาผลการแข่งขันมากกว่าเกมที่สวยงาม ลิเวอร์พูลคงจะเจองานที่ยากลำบากกว่านี้ ภาพเหตุการณ์ความผิดพลาดจากหลายๆเกมที่ทำเอาพวกเขาและกองเชียร์เสียน้ำตา คงได้กลับมาหลอกหลอนพวกเขาอีกครั้ง และเมื่อไหร่ที่พวกเขาทำไม่ได้ พอโดนสวนกลับมา เมื่อนั้นคือ หายนะ !! ขอบคุณโปเช็ตติโน่ที่ไม่ทำเช่นนั้น

          เมื่อทั้ง 2 ทีม เลือกที่จะไม่เน้นตั้งรับ ก็สนุกสิครับงานนี้ โดยเฉพาะนักเตะทีมเจ้าบ้านที่คงจะเป่าปากโล่งอก เออ ฟุตบอลมันต้องแลกกันแบบนี้เซ่ แมนๆคนละตุ๊บ 2 ตุ๊บ ฝั่งเจ้าบ้านแน่นอนเกมนี้ ได้ผู้เล่นตัวหลังกลับมาครบถ้วนขาดเพียงแค่เดยัน ลอฟเรน คนเดียวที่ไม่ผ่านความฟิต เช่นเดียวกับสำรองเบอร์ 1 อย่างรักนาร์ คลาวาน ที่ป่วยเป็นไข้ ทำให้ลูคัส เลว่า ยังต้องเล่นเซนเตอร์คู่กับโจเอล มาติป เป็นเกมที่ 2 ... แค่เห็นชื่อลูคัส ผมว่าแฟนบอลฝั่งเจ้าบ้านคงต้องมีร้อนๆหนาวๆ นั่งไม่ติดเก้าอี้กันบ้างหล่ะ อย่างที่บอกครับ ภาพจำในหัวเราเวลานี้ เห็นลูคัสลงสนามทีไร มักจะคิดในแง่ร้ายไว้ก่อนทุกที ทางด้านทีมเยือนเองก็มีปัญหาในเกมรับเช่นเดียวกับเจ้าบ้าน เมื่อขาดทั้งแยน แฟร์ทองเก้น ที่เจ็บยาวไปนานแล้ว ซ้ำร้ายยังต้องมาเสียแดนนี่ โรส แบ็คซ้ายที่ฟอร์มกำลังเข้าฝักในเวลานี้ไปอีกคนจากอาการบาดเจ็บ นั่นทำให้โปเช็ตติโน่ต้องทำการเปลี่ยนแทคติกจาก 3-5-2 ที่ใช้มาตลอดในระยะหลังกลับมาเป็น 4-2-3-1 อีกครั้ง โดยเกมรับ เอาเบน เดวีส์ แบ็คซ้ายสำรองลงมาแทนโรส ส่วนเกมรุกก็ยังทำทีมมาโดย แฮรี่ เคน เช่นเคย แน่นอนว่าจัดทีมแบบนี้ 3 คะแนนเท่านั้น ที่ทีมเยือนต้องการ

          ผมว่าลิเวอร์พูลกำลังรอคอยทีมที่จะมาสู้กับพวกเขาแบบนี้นะ ที่ผ่านมาเจอแต่ทีมตั้งรับลึกเสียเป็นส่วนใหญ่ ทั้งเกมครองบอลได้ 70-80% แต่ยิงไม่ได้สักลูก นั่นทำให้พวกเขาเหมือนมีภาพจำที่ไม่ค่อยดีกับทีมเหล่านั้น ส่งผลต่อความมั่นใจ ซึ่งมันก็แสดงออกมาที่ฟอร์มการเล่นในช่วงหลังๆที่ดูด้อยคุณภาพลงไป จริงๆในช่วงครึ่งฤดูกาลแรก ลิเวอร์พูลก็เจอกับทีมที่เน้นรับลึกมาหลายต่อหลายทีม แต่พวกเขาก็อาศัยฟอร์มการเล่นที่สดกว่าเบียดบี้ เอาชนะไปได้ อาจจะมีเกมเจอเบิร์นลีย์ที่เราพอจะพูดได้ว่ามันก็เป็นแค่เกมแรกที่เราแพ้ แต่หลังจากนั้น ก็เอาชนะหรือเสมอได้มาตลอด การรับมือกับทีมรับลึกจึงไม่น่าใช่ปัญหาที่เจอร์เก้น คล็อปป์ ตีไม่แตก เพียงแต่มันเป็นเรื่องของโชคชะตาและความมั่นใจมากกว่า นับจากต้นเดือน 11 ที่ชนะฮัลล์ 6-1 ก้าวขึ้นไปนั่งบัลลังก์จ่าฝูงได้สำเร็จ ลิเวอร์พูลต้องเปลี่ยนแปลงผู้เล่นแทบทุกเกมเนื่องมาจากปัญหาอาการบาดเจ็บและเรื่องทีมชาติ ด้วยขนาดทีมที่เล็ก แถมยังมาขาดผู้เล่นตัวหลัก ตัวที่มาทดแทนหลายๆคนก็เล่นไม่ได้ตามคุณภาพที่คล็อปป์หวังไว้ พอความผิดพลาดเกิดขึ้นก็กดดันตัวเอง ภาษาหนังจีนเขาเรียกอาการแบบนี้ว่า “ธาตุไฟเข้าแทรก” ครับ นี่คือ อาการของลิเวอร์พูลตลอด 40 กว่าวันที่ผ่านมา พวกเขาลงเล่น 10 เกม ทุกรายการ ชนะได้แค่เกมเดียว แถมยังแพ้เกมในบ้าน 3 เกมติดต่อกัน เรื่องพวกนี้ไม่สู้ดีต่อสุขภาพจิตของนักฟุตบอลแน่นอน เกมกับฮัลล์ ผลลัพธ์จึงออกมาเละเทะแบบที่เราเห็น หลังเกมฮัลล์ คล็อปป์ให้สัมภาษณ์ว่า ถ้ามีอะไรให้มาตำหนิที่เขาอย่าไปลงที่ลูกทีม ผมเชื่อว่าชอตนี้ทำให้นักข่าวพุ่งประเด็นไปที่คล็อปป์มากกว่าฟอร์มอันย่ำแย่ของนักเตะภายในทีม ไม่มีคนสนใจว่าใครเล่นพลาดยังไง ทุกคนมัวไปสนใจแต่คล็อปป์จัดตัวผิดพลาด นั่นทำให้ความกดดันไม่โดนเอาไปโยนลงที่นักเตะ ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา เราแทบจะไม่เห็นข่าวความเคลื่อนไหวในทีมลิเวอร์พูลเลย ทุกอย่างดูเงียบเหมือนน้ำที่อยู่นิ่ง ทุกคนมีแต่เรื่องซ้อมๆๆๆ เรื่องนี้คล็อปป์เน้นย้ำตลอดตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาคุมทีมแล้ว คล็อปป์บอกว่า สุดท้ายถึงคุณจะเก่ง จะดังขนาดไหนก็ตาม แต่ถ้าไม่มีการฝึกซ้อมที่ดีผลงานคุณไม่มีทางออกมาดี การตอบโต้ต่อฟอร์มการเล่นที่ย่ำแย่ได้ดีที่สุด ไม่ใช่การเล่นโซเชียลแล้วเอาคืนนักข่าวหรือแฟนบอล แต่เป็นการมีสมาธิกับเกมต่อไปให้ได้มากที่สุด ตั้งใจซ้อม แล้วผลลัพธ์จะตามมา

          การที่โจทย์เป็นสเปอร์ยิ่งทำให้คล็อปป์วางแผนง่ายในการรับมือ เกมแบบนี้เป็นงานถนัดของกุนซือเฮฟวี่ เมทัล อยู่แล้ว สเปอร์เองก็เล่นฟุตบอลคล้ายลิเวอร์พูล คือ บีบพื้นที่ตั้งแต่แดนหน้า ใช้ประโยชน์ความสดของนักเตะหนุ่มๆทั้งหลาย นั่นไม่ใช่แนวทางที่คล็อปป์และลูกทีมหวาดกลัว ซ้ำยังรู้จักจุดอ่อนดีเสียอีก เพราะเป็นระบบที่พวกเขาใช้อยู่ในปัจจุบันและไม่มีวันจะเปลี่ยนแน่ คล็อปป์ รู้ว่าสเปอร์กะมาบีบเร็ว คล็อปป์ให้ผู้เล่นบีบเร็วกว่า คล็อปป์รู้ว่าเกมรับของระบบนี้ กองหลังโดยเฉพาะแบ็คมักจะลอย คล็อปป์ก็ให้โจมตีตรงช่องนั้น เหมือนหนามยอกเอาหนามบ่ง การขาดแดนนี่ โรส ทำให้ซาดิโอ มาเน่ ที่เร็วกว่าเบน เดวีส์ มีความหวือหวาในเกมรุกมากขึ้น และ 2 ประตูที่เกิดขึ้น ก็เกิดจากการจี้จุดอ่อนตรงนี้ หลังจากได้ 2 ประตูขึ้นนำอย่างรวดเร็ว ลิเวอร์พูลก็เล่นได้อย่างสบายใจ คนที่เคยผิดพลาดอย่างลูคัส ที่แฟนๆเสียวกันเหลือเกินตอนเห็นรายชื่อ วันนี้ก็โชว์ฟอร์มเป็นพระเอก วิ่งตัดบอล เคลียร์บอล แย่งโหม่งได้เกือบตลอด ในส่วนของเกมรุกการได้จอร์จินโญ่ ไวจ์นาลดุมกลับมาเป็นตัวจริง ทำให้การออกบอลของทีมเป็นไปอย่างไหลลื่นและต่อเนื่อง จนทำให้คิดว่า คล็อปป์น่าจะเจอสูตรสำเร็จในเกมแดนกลางและแดนหน้าสักที และน่าจะเลิกโรเตชั่นโดยไม่จำเป็นได้แล้ว ถ้า 6 คนนี้ (เฮนเดอร์สัน, ไวจ์นาลดุม, ลัลลาน่า, คูตินโญ่, มาเน่ และฟีร์มิโน่) ฟิต พวกเขาควรจะได้ลงสนามเป็นตัวจริง ในขณะที่เอมเร่ ชานและกองหน้าคนอื่นๆในเวลานี้ควรจะเป็นตัวสำรอง

          ชัยชนะต่อสเปอร์น่าจะเรียกขวัญกำลังใจให้กลับมาสู่ทีมอีกครั้ง อีก 13 เกมที่เหลือ เมื่อเทียบกับทีมท็อป 6 ทีมอื่นๆ ลิเวอร์พูลมีโอกาสที่ดีที่ได้พักมากกว่าใครเพื่อน(ตกรอบบอลถ้วยไปหมดแล้ว) นักเตะไม่กรอบ มีเวลาซ้อมทีม มีเวลาแก้ไขข้อผิดพลาดจากที่แล้วๆมามากขึ้น ผมไม่เชื่อนะว่า หากทีมซ้อมมาดีแล้ว ปัญหาที่มีจะแก้ไขไม่ได้ ในเมื่อฟุตบอลเป็นเรื่องของความสามารถและแทคติก ซึ่งเจอร์เก้น คล็อปป์ ก็เป็นกุนซือที่โดดเด่นในเรื่องทำนองนี้อยู่แล้ว

          ลิเวอร์พูลที่กำลังตั้งไข่กลับมา แถมยังได้เปรียบเรื่องเกมเตะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่กำลังเล่นได้ดีที่สุดนับตั้งแต่หมดยุคเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ที่เปป กวาดิโอล่า เหมือนจะหายเมาหมัดรู้วิธีเอาตัวรอดในบอลอังกฤษได้แล้ว ... 3 ทีมนี้ กำลังส่งสารท้ารบ และเตือน 2 ทีมเมืองหลวงอย่างท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ และอาร์เซน่อลอยู่ ที่แม้จะยังชนะได้เรื่อยๆแต่ก็เริ่มเห็นสัญญาณความล้าเกิดขึ้นกับนักเตะในทีมบ้างแล้ว

ท็อป 4 ปีนี้ลุ้นกันสนุกถึงนัดสุดท้ายแน่นอน

 

ต้น วโรดม

 

APF Photo / OLI SCARFF

TOP บทความกีฬา
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ