หลัง ลิเวอร์พูล เปิดบ้านพ่ายให้กับ เวสต์บรอมวิช อัลเบียน สุดช็อค 2 ประตู 3 ส่งผลให้ทัพหงส์แดงจอดป้ายหนทาง เอฟเอ คัพ ไว้เพียงรอบที่ 4 เท่านั้น และเป็นการปิดโอกาสลุ้นแชมป์เป็นถ้วยที่ 2 ในประเทศตัวเอง หลังตกรอบ คาราบาว คัพ มาก่อนหน้านี้ ทำให้พวกเขาเหลือโอกาสลุ้นแชมป์เพียงถ้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก และ ถ้วยพรีเมียร์ลีก ที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็ไม่มีทีท่าว่าจะตกจากจ่าฝูงได้ง่ายๆ ทำให้กระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า การตัดสินใจขาย ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ และซื้อ เวอร์กิล ฟาน ไดค์ เข้ามาเสริมแกร่งในแผงหลังด้วยค่าตัวกองหลังที่แพงที่สุดในโลก จะเป็นการตอบโจทย์ที่ถูกต้องหรือไม่ หากไม่นับนัดแรกที่เปิดตัวอย่างสวยหรู ด้วยการโหม่งพาทีมคว้าชัยชนะในท้ายเกม 2 นัดล่าสุดที่ลงเล่นในสีเสื้อหงส์แดง เจ้าตัวก็ยังไม่สามารถพิสูจน์กับค่าตัวกองหลังที่แพงที่สุดในโลกได้เลย
หากนับย้อนไปล่าสุดที่ลิเวอร์พูลสามารถคว้าแชมป์ได้ คือแชมป์ คาร์ลิ่ง คัพ (คาราบาว คัพ) เมื่อฤดูกาล 2011-2012 ในยุคที่เคนนี่ ดัลกลิช ยอดกุนซือขวัญใจเดอะค็อป กลับมาคุมทีม ที่เด็ดขาดกว่าในการดวลจุดโทษ เฉือนชนะ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ ไป 3-2 หลังเสมอกันในเวลาปกติ และ ต่อเวลาพิเศษ ด้วยสกอร์ 2-2 โดยมีสตาร์ชื่อดังนำทัพในขณะนั้นคือ สตีเว่น เจอร์ราด ลงบัญชาเกมแดนกลาง และ หลุยซ์ ซัวเรส ลงล่าตาข่ายในแดนหน้าคู่ แอนดี้ คาร์โรล เจ้าของค่าตัวนักเตะแพงที่สุดในสโมสรที่ 35 ล้านปอนด์ ในขณะนั้น แต่ก็ยังถือว่าเรียกศรัทธาแฟนบอลได้ไม่ค่อยมากเท่าไหร่ หากนับความสำเร็จในอดีตที่พวกเขาเคยทำไว้อย่างยิ่งใหญ่
ย้อนวันวานที่ลิเวอร์พูลได้แชมป์ต่างๆ คือ แชมป์ลีกสูงสุด 18 สมัย ,เอฟเอ คัพ 7 สมัย ,ลีกคัพ 8 สมัย ,เอฟเอ คอมมูนิตี้ ชิลด์ 14 สมัย ยูฟ่า ยูเรเปี้ยน คัพ (ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก) 5 สมัย , ยูฟ่า คัพ (ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก) 3 ,ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ 3 สมัย
