คู่นี้เปิดเกมแลกกันสนุกตั้งแต่ต้นเกม แต่เป็นรัสเซีย ออกนำก่อนในนาที 31 จาก เชริเชฟ จับเข้าซ้ายปั่นเข้าประตูสุดสวย รัสเซียนำ 1-0 แต่ โครเอเชีย ทวงคืนได้ทัน จากการทำเกมฝั่งซ้าย อังเดร คามาริช โขกตีเสมอ 1-1 เกมในเวลาปกติเสมอ 1-1 ช่วงต่อเวลาพิเศษ โครเอเชียที่แผ่วกว่า กลับขึ้นนำเจ้าภาพ จากจังหวะเตะมุมของ โมดริช เข้าหัว โดมากอย วีด้า เข้าประตูไป 2-1
เกมไม่จบง่ายๆ ก่อนหมดเวลาในช่วงเอ็กซ์ตร้าไทม์ 5 นาทีสุดท้าย รัสเซีย ตีเสมอ จาก มาริโอ เฟร์นานเดซ 2-2 ต้องดวลกันถึงการยิงจุดโทษ ปรากฎว่า โครเอเชีย แม่นกว่า เอาชนะไป 4-3 ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ ในรอบ 20 ปี ต่อจากปี 1998
บรรยากาศของแฟนบอลเจ้าภาพแตกต่างกันไปสิ้นเชิงกับช่วงก่อนเกม แฟนบอลหลายคนร้องไห้เสียดาย แต่ภาคภูมิใจในตัวนักเตะที่สู้ฟัดกันจนหยดสุดท้าย ส่วนแฟนบอลที่เข้าไปชมเกมในสนาม แม้จะเป็นผู้แพ้ แต่ก็ช่วยกันเก็บเศษขยะบนอัฒจันทร์ ส่วนแฟนบอลโครเอเชียก็ฉลองกันอย่างสุดเหวี่ยงตามสไตล์ของผู้ชนะ