โดยนัดที่ 2 ของกลุ่มเอช แมนฯยูไนเต็ด เปิดบ้านรับ บาเลนเซีย โชเซ่ มูรินโญ่ ส่งทั้ง ป็อกบา, อเล็กซิส, ลูกากู, แรชฟอร์ด ลงสนาม แม้จะมีโอกาส เยอะกว่า แต่แข้งปีศาจแดง ก็ไม่สมารถ ยิงบอลผ่านผู้รักษาประตูบาเลนเซียได้ เสมอกัน 0-0 ประตู ซึ่งเกมนี้นัด ต้องเลื่อนการแข่งขันช้า คิกออฟออกไป 5 นาที เนื่องจาก นักเตะแมนฯยูไนเต็ด เดินทางมาช้ากว่ากำหนด ถึงสนามก่อนแข่งเพียงแค่ 40 นาที ทั้งที่เป็นเจ้าบ้าน โดยอ้างว่า การจราจรในเมืองแมนเชสเตอร์ ติดขัด ซึ่งยูฟ่า เตรียมจะดำเนินการสอบสวนเรื่องนี้อย่างละเอียดอีกครั้ง
ขณะที่นัดนี้ เดวิด เบ๊คแฮม อดีตนักเตะปีศาจแดง เดินทางเข้ามาชมในสนามด้วย ถือเป็น 1 ในแฟนบอลจากจำนวนทั้งหมด 73,569 คน ตัวเลขแฟนบอลดูเยอะมาก แต่เมื่อเทียบสถิติกับยุคเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ในเวทีแชมเปี้ยนส์ลีก ถือเป็นสถิตแฟนบอลที่น้อยที่สุด เพราะว่ามีเก้าอี้ว่าง ซึ่งความจุของโอลด์แทรฟฟอร์ดมีทั้งหมด 74,994 ที่นั่ง
นอกจากสถิติแฟนบอลแล้ว อีกผลเสมอจากเกมนี้ ทำให้ ผลงานการคุมทีมในบ้านของกุนซือที่มูรินโญ่ แย่สุดในชีวิต 4 นัดในบ้านไม่สามารถพาทีมชนะได้เลย ผลงาน 4 นัดล่าสุดในโอลด์แทรฟฟอร์ดของ โชเซ่ มูรินโญ่ พรีเมียร์ลีก 28 ส.ค. แพ้ สเปอร์ส 0-3, 22 ก.ย. เสมอ วูล์ฟแฮมป์ตัน 1-1, ลีกคัพ 26 ก.ย. แพ้จุดโทษ ดาร์บี้ 2-2, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2 ต.ค. เสมอ บาเลนเซีย 0-0
อย่างไรก็ตาม หลังเกม มูรินโญ่ เปิดเผยว่า ทีมมีโอกาสทอง 2-3 ครั้งเพื่อเก็บชัยชนะแต่ก็ยอมรับผลการแข่งขันว่ายุติธรรมดีแล้ว นักเตะพยายามแล้ว ยกระดับความมุ่งมั่นขึ้นมา แต่ไม่มีคุณภาพด้านเทคนิคจะขึ้นเกมจากแดนหลัง มันไม่ใช่ผลการแข่งขันที่แย่ ไม่ดีแต่ก็ไม่แย่ เราเหลืออีก 2 นัดกับยูเวนตุสให้เก็บแต้ม นี่คือกลุ่มที่ยากมาก
ขณะเดียวกัน มูรินโญ่ กล่าวว่า เขาไม่สนเสียงโห่ของแฟนบอล หรือการวิจารณ์ของกูรู รวมถึง พอล สโคลส์ ที่ออกมาวิจารณ์อย่างหนัก ไม่จำเป็นต้องรู้ว่าเขาพูดอะไร อยากพูดอะไรก็ได้ที่ต้องการ ตนไม่สนใจ มันเป็นเสรีภาพในการพูด ที่นี่เป็นประเทศเสรี อยากพูดอะไรก็ได้ นอกจากนี้ มูรินโญ่ กล่าวถึงแฟนบอลว่า พวกเขาเสรีภาพในการพูด โดยเฉพาะแฟนบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตนเคารพพวกเขา 200 เปอร์เซ็นต์เลย