สมาพันธ์แห่งเอเชีย หรือ เอเอฟซี (AFC) เริ่มตรวจสนามราชมังคลากีฬาสถาน 1 ในสนามที่สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เสนอใช้เป็นตัวเลือกในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลยู 23 ชิงแชมป์เอเชียช่วงต้นปีหน้า โดยนอกจากสนามราชมังคลากีฬาสถานแล้ว สมาคม ได้เสนอสนามที่จะใช้จัดแข่งรายการนี้ อย่าง สนามเอสซีจี สเตเดี้ยม สนามเหย้าของ เมืองทอง, สนามลีโอ สเตเดี้ยม สนามเหย้าของ บีจี ปทุมยูไนเต็ด, สนามกีฬาม.ธรรมศาสตร์รังสิต สนามของแบงค็อก, สนามกีฬา สมโภช 700 ปี เชียงใหม่ และสนาม เฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จังหวัดนครราชสีมา
โดยหลังจากตรวจสอบความพร้อมทั้ง 6 สนามตลอดทั้งสัปดาห์นี้ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย จะนำข้อเสนอไปปรับปรุงให้ตรงตามข้อกำหนด ของเอเอฟซี ก่อนที่ท้ายที่สุดจะมีการตัดสินใจเลือก 4 สนาม ที่จะใช้จัดแข่ง
ทั้งนี้ก่อนหน้าที่ เอเอฟซี จะตรวจสนาม ได้มีการประชุมกับสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย และ การกีฬาแห่งประเทศไทย หรือ กกท. เพื่อของบประมาณในการปรับปรุง 3 สนาม ที่อยู่ในความดูแลของกกท. ซึ่งพลตำรวจเอก สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า เป็นโอกาสที่ดีที่เอเอฟซีมาให้ความรู้เรื่องการปรับปรุงสนามให้ได้มาตรฐาน เพราะสนามที่ปรับปรุงครั้งนี้จะได้ใช้การเป็นเจ้าภาพรายการใหญ่ในอนาคต ซึ่งหากไม่มีการปรับปรุงสนาม ไทยก็อาจมีสิทธิ์หลุดจากการเป็นเจ้าภาพได้เหมือนกัน เนื่องจากยังไม่ได้มีการเซ็นสัญญาตกลงเป็นเจ้าภาพ
ขณะที่หลังจาก พา เอเอฟซี ตรวจสนามราชมังคลากีฬาสถาน เสร็จ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ยังเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวกีฬา พีพีทีวี ว่าเตรียมจับมือกับเมียนมาร์ ในการยื่นเสนอเป็นเจ้าภาพร่วมจัดการแข่งขันฟุตบอลโลก รุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี ในปี 2021 ซึ่งเรื่องนี้ได้มีการหารือกันมาพักใหญ่ ๆ แล้ว และกำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการขอคะแนนเสียงจากชาติสมาชิกในฟีฟ่า ก่อนที่จะเสนอตัวอย่างเป็นทางการในที่ประชุมใหญ่ฟีฟ่าในช่วงเดือน มิ.ย.นี้
