เส้นทาง SHARGE สตาร์ทอัพสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า สู่เป้าหมาย 3,000 ล้าน
กางแผนธุรกิจเพิ่มพันธมิตรขยายการให้บริการครอบคลุมททั่วประเทศ
นายพีระภัทร ศิริจันทโรภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาร์จ แมเนจเม้นท์ จำกัด (SHARGE) ผู้ให้บริการ EV Charging Solution ครบวงจรทั้งด้านซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ เปิดเผยว่า การใช้งาน รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ทั่วโลก มีอัตราการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยภาพรวมจำนวนรถ EV ทั่วโลกระหว่างปี 2553-2563 มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ราว 76% ต่อปี สู่จำนวน 10.2 ล้านคัน และยังคงมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด
มิตซูบิชิ เปิดแผนธุรกิจในไทย รถยนต์นั่งทุกรุ่นจะมีระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า
มินิ Electric Collection Edition รถยนต์ไฟฟ้า 2 สีใหม่ราคา 2.45 ล้าน
เนื่องจากประเทศทั่วโลกต่างออกมาตรการสนับสนุนและนโยบายที่ให้สิทธิประโยชน์แก่ผู้ผลิตอย่างต่อเนื่อง เช่น จีนที่มีการใช้ รถยนต์ไฟฟ้า มากกว่า 4.5 ล้านคัน จากการยกเว้นภาษีและสนับสนุนเงินทุนแก่ผู้ผลิต ขณะที่โครงสร้างพื้นฐานสำคัญ อย่างสถานีชาร์จและจำนวนหัวชาร์จ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วโลกเช่นเดียวกัน เฉพาะในเยอรมนี คาดว่าจะมีสถานีชาร์จสาธารณะเพิ่มขึ้นเป็น 300,000 จุดในปี 2568 และ 700,000 จุดในปี 2573
ทั้งนี้ สำหรับบริษัทคาดการณ์ว่าประเทศไทยจะมีความต้องการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าไม่น้อยกว่า 1 ล้านหน่วยต่อสัปดาห์ในปี 2568 และมีความจำเป็นต้องมีโครงสร้างพื้นฐานรวมถึงสถานีชาร์จที่เพียงพอ ดังนั้น บริษัทจึงมีแผนการขยายสถานีชาร์จ 600 แห่ง หรือมีจำนวน 2,400 หัวชาร์จ ภายในปี 2565 โดยมีแผนการเพิ่มพันธมิตรทางธุรกิจเพิ่มเป็น 27 รายในปีนี้และ 50 ราย ในปี 2568 ในที่อยู่อาศัย ห้างสรรพสินค้า อาคารสำนักงาน โรงแรม โรงพยาบาล สถานศึกษา จุดพักรถ สถานีพลังงาน บริษัทด้านโลจิสติกส์ พร้อมเดินหน้าขยายการให้บริการครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศ
ขณะเดียวกัน ในปีนี้บริษัทมีการสร้างสถานีชาร์จแลนด์มาร์คที่ใหญ่ที่สุดในรัศมี 200 กิโลเมตรจากกรุงเทพฯ มีจุดเด่นสำคัญ 3 ด้าน ได้แก่ 1.มีจำนวนหัวชาร์จมากกว่าสถานีปกติ 2.เป็นสถานีที่มีหัวชาร์จ DC แบบ Super Fast Charge ที่จ่ายไฟได้เร็วที่สุดในประเทศไทย เพื่อให้ไลฟ์สไตล์การชาร์จไฟฟ้าใช้เวลาใกล้เคียงกับการเติมพลังงานแบบดั้งเดิม โดยไม่ต้องเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภค และ 3.มีอาหารและบริการที่ตอบโจทย์ทั้งคนและรถยนต์
สำหรับ SHARGE เติบโตมาจากการเป็นสตาร์ทอัพ ที่มีบริษัทขนาดใหญ่เข้าร่วมลงทุนเป็นผู้ถือหุ้น อาทิ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน), บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), บริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) และบริษัท สายไฟฟ้าบางกอกเคเบิ้ล จำกัด โดยให้บริการใน 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ 1.การขายอุปกรณ์และบริการที่เกี่ยวข้องกับสถานีชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า 2.การเป็นเจ้าของสถานีชาร์จในแหล่งไลฟ์สไตล์ที่สำคัญ เช่น ห้างสรรพสินค้าต่างๆ 3.การให้บริการแอปพลิเคชัน SHARGE และการจัดการซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องกับสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า
นายพีระภัทร กล่าวว่า ปีที่ผ่านมาบริษัทได้ตั้งเป้ารายได้สะสม 3,000 ล้านบาท ในปี 2568 ซึ่งในปัจจุบันยังคงเป็นไปตามแผนดังกล่าวอยู่ พร้อมตั้งเป้าเป็นผู้นำการให้บริการ EV Charging Solution ครบวงจร และเป็นส่วนสำคัญที่ขับเคลื่อน EV Charging Ecosystem ของไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน