เซอร์ไพรส์! เอ็มจี เปิดตัว "MG MAXUS 9" เอ็มพีวีไฟฟ้า 100% รับจองทันที
เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) เซอร์ไพรส์ในงาน มอเตอร์โชว์ 2023 เปิดตัวรถเอ็มพีวี 7 ที่นั่ง พลังงานไฟฟ้าคันแรกของไทย
นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า เอ็มจี (MG) เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า 100% รุ่นที่ 5 ของแบรนด์ ภายใต้ชื่อ NEW MG MAXUS 9 รถยนต์อเนกประสงค์ (เอ็มพีวี) 7 ที่นั่ง พลังงานไฟฟ้า 100% ครั้งแรกของประเทศไทย ซึ่งมาพร้อมกับความหรูหรา เทคโนโลยีล้ำสมัย รวมถึงอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและระบบความปลอดภัยครบครัน
“Motor Show 2023” จัดงานวันไหน-เช็กวิธีเดินทาง จุดจอดรถ ที่นี่!
เปิด 11 รายชื่อ รถไฮไลท์ในงาน Motor Show 2023 จัดเต็มหลังอั้นมานาน !
เอ็มจี ประกาศราคา 'NEW MG ES' 9.59 แสนบาท เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่
รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ของ เอ็มจี มีจำนวน 5 รุ่น ได้แก่
- MG ZS EV
- MG EP
- MG 4
- MG ES
- NEW MG MAXUS 9
"ในปี 2565 สัดส่วนการขายรถยนต์ไฟฟ้า 100% ของ เอ็มจี คิดเป็น 15% ของยอดขายรวมในปีที่ผ่านมา ซึ่งในปี 2566 คาดว่าสัดส่วนดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นเป็น 30%"
สำหรับรายละเอียดของ NEW MG MAXUS 9 รถ เอ็มพีวี 7 ที่นั่ง พลังงานไฟฟ้า 100% ดังนี้
ดีไซน์ภายนอก
- มิติตัวถัง 5,270 x 2,000 x 1,840 มิลลิเมตร (ยาว x กว้าง x สูง)
- ระยะความยาวฐานล้อ 3,200 มิลลิเมตร
- ระยะต่ำสุดจากพื้น 140 มิลลิเมตร
- ไฟหน้า ไฟเบรกดวงที่ 3 และไฟท้าย LED พร้อมระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าแบบอัตโนมัติ
- ระบบไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวัน (Daytime Running Lights)
- ล้ออัลลอยด์ขนาด 19 นิ้ว พร้อมยางแบบ Run Flat
- กระจกมองข้างพับและปรับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว
- ระบบไล่ฝ้ากระจกหลัง และ สปอยเลอร์หลัง
- ฝาครอบเครื่องพร้อมช่องเก็บสัมภาระ
- หลังคา Dual Panoramic Sunroof
- ประตูสไลด์ด้านข้างเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมฝากระโปรงท้ายระบบไฟฟ้า
ดีไซน์ภายใน
- คอนโซลหน้าแบบ Double Layer พร้อมที่วางแก้ว และรองรับการชาร์จแบบไร้สาย (Wireless Charger)
- เบาะนั่งหุ้มด้วยวัสดุหนังสังเคราะห์ พร้อมการตกแต่งภายในห้องโดยสารแบบ SOFT TOUCH และไฟห้องโดยสาร Ambient Light ถึง 64 สี
- เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง และเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง
- เบาะนั่งแถวที่สองในรุ่น V แบบ VIP Captain Seat พร้อมระบบจดจำตำแหน่งการนั่ง (Memory Seats) ระบบนวด เบาะอุ่นและระบายความร้อนควบคุมผ่านหน้าจอ Touch Screen พร้อมช่องวางโทรศัพท์ โต๊ะพับและที่วางแก้ว
- พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันหุ้มหนังปรับ 4 ทิศทาง ควบคุมเครื่องเสียงพร้อมปุ่มรับ-วางโทรศัพท์
- หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบดิจิทัลขนาด 7 นิ้ว (Digital Interactive Multi-function Display) และหน้าจอสีระบบสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว พร้อมลำโพง 12 จุด
- ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือผ่านบลูทูธ พร้อมช่องเชื่อมต่อ USB 9 จุด และช่องจ่ายไฟ AC Adaptor 220V
- รองรับการเชื่อมต่อมัลติมีเดีย Apple CarPlay และสมาร์ทโฟนระบบ Android
- กระจกมองหลังผ่านกล้อง Streaming Media Rearview Mirror
- ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมิติ แยกบริเวณด้านหน้าและหลังอิสระ พร้อมระบบกรองอากาศ PM 2.5
- ระบบกุญแจนิรภัยแบบอัจฉริยะ พร้อมระบบ Push Start
สมรรถนะ
- ขุมพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor ที่ให้พละกำลังสูงสุดที่ 180 กิโลวัตต์ หรือ 245 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร
- แบตเตอรี่แบบ Lithium-ion จัดวางแบบ Cell To Pack ขนาดความจุ 90 kWh สามารถวิ่งในระยะทางสูงสุด 540 กม. ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC
- แบตเตอรี่มาตรฐานความปลอดภัย IP67 ในการป้องกันน้ำและฝุ่น
- ระบบ KERS (Kinetic Energy Recovery System) 3 ระดับ ได้แก่ มาก ปานกลาง และน้อย
- ระบบพวงมาลัยแบบแร็คแอนด์พิเนียน ควบคุมด้วยไฟฟ้า (EPS)
- รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 6.4 เมตร
- ดิสก์เบรกหน้าพร้อมช่องระบายความร้อน และดิสก์เบรกหลัง
- ระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระแมคเฟอร์สันสตรัท และระบบช่วงล่างด้านหลังแบบอิสระมัลติลิงค์
ระบบความปลอดภัย รวม 25 ระบบ ได้แก่
- ระบบโครงสร้างตัวถังนิรภัย FSF (Full Space Frame)
- ระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB (Electronic Parking Brake)
- ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH (Auto Vehicle Hold)
- ระบบป้องกันล้อล็อก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake force Distribution)
- ระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist)
- ระบบควบคุมการทรงตัว SCS (Stability Control System)
- ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC (Curve Brake Control)
- ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System)
- ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System)
- ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-beam control)
- ระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal)
- ไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่องยนต์ (Follow Me Home Light)
- ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System)
- ระบบตรวจจับพฤติกรรมการขับขี่ DMS (Driver Monitor System)
- ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าในขณะขับขี่ FCW (Forward Collision Warning) และ ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ AEB (Autonomous Emergency Braking)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist)
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA (Lane keep Assist)
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนและช่วยควบคุมรถเมื่อออกนอกเลน ELK (Emergency Lane Keeping Assist)
- ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning)
- ระบบช่วยป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดจากมุมอับสายตา (LCA/ BSD/ RCTA/ DOW)
- จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX บริเวณที่นั่งแถว 2 และ 3
- เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับพร้อมผ่อนแรงอัตโนมัติ
- ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย
- กล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ
- สัญญาณเตือนระยะเดินหน้าและถอยหลัง
NEW MG MAXUS 9 รองรับระบบการชาร์จ 2 รูปแบบทั้งแบบ Quick Charge และ Normal Charge ให้ผู้ใช้งานสามารถเดินทางสะดวกสบายได้ทั่วประเทศ ด้วยความพร้อมของสถานีอัดประจุไฟฟ้าของเอ็มจี MG Super Charge ที่พร้อมให้บริการแล้วกว่า 129 แห่งทั่วประเทศ
- ชาร์จแบบเร็ว DC Quick Charge ชาร์จไฟฟ้าจาก 30% - 80% ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ที่ความเร็วสูงสุด 120 kWh
- ชาร์จแบบธรรมดา Normal Charge ชาร์จไฟฟ้าจาก 5% – 100% ใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมง 30 นาที รองรับการชาร์จสูงสุดที่ 11 kWh (ระยะเวลาในการชาร์จ ขึ้นอยู่กับระดับแบตเตอรี่คงเหลือและกำลังของเครื่องอัดประจุไฟฟ้า)
สำหรับ NEW MG MAXUS 9 ประกอบด้วย 2 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น X และรุ่น V โดยรุ่น X มีสีตัวถังให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีขาว (Pearl White) สีดำ (Black Knight) และในรุ่น V มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีขาว (Pearl White) สีดำ (Black Knight) สีเทาหลังคาดำ Concrete Grey / Black Top