MG จัดหนัก MOTOR SHOW 2024 เปิดตัวรถใหม่ 4 รุ่น
เอ็มจี ใช้เวทีมอเตอร์โชว์ 2024 เปิดตัวรถใหม่ 4 รุ่น เริ่มที่ NEW MG CYBERSTER สปอร์ตโรดสเตอร์ไฟฟ้า 100% พร้อมเผยโฉม E:MPV น้องใหม่ NEW MG MAXUS 7 และเปิดให้จองเป็นเจ้าของก่อนใคร ตามด้วยการแนะนำ NEW MG4 ELECTRIC ครบทั้ง 3 รุ่นย่อย และเก๋ง NEW MG5 PRO ที่อัพดีไซน์ใหม่ให้ตอบโจทย์วัยรุ่นยิ่งขึ้น
งานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 นี้ ถือเป็นความเคลื่อนไหวสำคัญของแบรนด์ เอ็มจี ประเทศไทย ในการสร้างสีสันให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย และเดินหน้าสู่มุดหมายใหญ่ในการเป็น Top 3 ของอุตสาหกรรมภายในทศวรรษที่ 2
สำหรับไฮไลต์สำคัญต้องยกให้ NEW MG CYBERSTER สปอร์ตโรดสเตอร์อีวีที่ยกระดับยานยนต์ไทยให้ก้าวล้ำไปอีกขึ้น โดยงานนี้ เอ็มจี ได้ประกาศราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ และเตรียมรถให้ลูกค้าคนไทยได้สัมผัสกับสมรรถนะเป็นครั้งแรกในงานนี้ด้วย

NEW MG CYBERSTER ราคา 2,499,000 บาท
ดีไซน์ภายนอก
- มิติตัวถัง 4,535 x 1,913 x 1,329 มิลลิเมตร (ยาว x กว้าง x สูง)
- ระยะช่วงล้อ 2,690 มิลลิเมตร
- ประตูปีกนกแบบปุ่มสัมผัสเปิด-ปิด
- หลังคาเปิดประทุนแบบซอฟต์ท็อป ที่ใช้เวลาเปิด-ปิด 10 วินาที
- กระจังหน้า และแผงกันชนหน้า ออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ ด้วยดีไซน์ Wind Hunter
- โครงสร้างส่วนหน้าสุดแบบ 2 ชั้นที่ผสานกับปลายสปอยเลอร์หน้า เสริมแรงกด Down force และการรักษาอุณหภูมิของห้องเครื่อง
- เส้นด้านข้างของตัวรถบริเวณใต้กรอบกระจกที่มีดีไซน์แบบ Leopard Jump Shoulder Line
- ไฟ Daytime Running Light แบบ LED 3 ดวง ไฟเลี้ยว 3 ดวง ที่วางตำแหน่งสลับกันเป็นแนวทแยงมุม
- ด้านท้ายของรถ ออกแบบในสไตล์ Kammback Design โดยช่วงท้ายจะมีลักษณะลาดตัดสั้น และส่วนโค้งด้านหลังตัวรถที่ยกขึ้นเล็กน้อยคล้ายหางเป็ด (Duck Tail)
- ไฟท้ายได้รับแรงบันดาลใจจากธงยูเนียนแจ็ค พร้อมไฟเบรก LED
- ล้ออัลลอย ขนาด 20 นิ้ว
ดีไซน์ภายในและฟังก์ชันอำนวยความสะดวก
- ผังที่นั่งให้ผู้ขับขี่เป็นศูนย์กลาง (Driver-centric cockpit)
- เบาะนั่งทรงสปอร์ตแบบ Y-shape ที่รองรับสรีระ วัสดุหนังแบบ Nappa สลับหนัง Alcantara
- ตกแต่งภายในด้วยวัสดุ Soft Touch
- Ambient Light 64 เฉดสี
- ดีไซน์พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน ปรับ 4 ทิศทาง
- เบาะคนขับและผู้โดยสารปรับด้วยระบบไฟฟ้า 6 ทิศทาง พร้อมบันทึกตำแหน่งได้
- ระบบกรองอากาศ PM 2.5
- ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ปรับอุณหภูมิแยกอิสระระหว่างผู้ขับขี่และผู้โดยสารทั้งซ้ายและขวา
- ระบบ Intelligent Smart Access สตาร์ทรถได้อัตโนมัติเพียงการเหยียบเบรก
- ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ
- กระจกไฟฟ้า One Touch ปรับขึ้น-ลงอัตโนมัติ 2 บาน
- หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบดิจิตอล Dashboard triple-screen ขนาด 7 นิ้ว ขนาด 10.25 นิ้ว และขนาด 7 นิ้ว จำนวน 3 จอเรียงต่อกัน พร้อมระบบอัจฉริยะ i-SMART
- ระบบเครื่องเสียง BOSE พร้อมลำโพงรอบทิศทางจำนวน 8 จุด
- ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือผ่านบลูทูธและช่องเชื่อมต่อ USB
- ระบบเชื่อมต่อมัลติมีเดีย Apple CarPlay และสมาร์ทโฟนระบบ Android

สมรรถนะการขับขี่
- พลังมอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Synchronous Motor แบบมอเตอร์คู่ขับเคลื่อนด้วย 4 ล้อ ให้พละกำลังสูงสุดที่ 544 แรงม้า (400 กิโลวัตต์) และแรงบิดสูงสุด 725 นิวตันเมตร
- ทำอัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ภายในเวลา 3.2 วินาที
- วิ่งด้วยความเร็วสูงสุดที่ 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
- แบตเตอรี่ Ultra-Thin Rubik's Cube Battery ขนาดความจุ 77 kWh สามารถวิ่งได้ระยะทาง 503 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC
- ดิสก์เบรก 4 ล้อ พร้อมคาลิปเปอร์สีแดง พร้อมระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระ Double Wishbone และด้านหลังแบบอิสระ Multi-link
- ระบบระบายความร้อน Straight Waterfall Grid Oil Cooling Technology ที่มีประสิทธิภาพสูง
- แบตเตอรี่มาตรฐานความปลอดภัย IP67 ในการป้องกันน้ำและฝุ่น
- ระบบพวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้า EPS (Electric Power Steering)
- การกระจายน้ำหนักแบบ 49:51 ควบคู่กับการออกแบบลักษณะ Ultra- Low Centre of Gravity ที่ให้จุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำเพื่อการเกาะถนนที่ดีเยี่ยม
ระบบการชาร์จ NEW MG CYBERSTER
- ชาร์จแบบเร็ว Quick Charge ชาร์จไฟฟ้าจาก 10% - 80% ใช้เวลาประมาณ 26 นาที ที่ความเร็วสูงสุด 140 kW
- ชาร์จแบบธรรมดา Normal Charge ผ่าน MG HOME CHARGER 0% – 100% ใช้เวลาประมาณ 11 ชั่วโมง รับรองที่สูงสุด 11 kW
- รองรับระบบ V2L เปลี่ยนรถยนต์พลังงานไฟฟ้าให้สามารถเป็นแหล่งจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า
สีภายนอก NEW MG CYBERSTER
- สีแดง Flame Red
- สีเหลือง Photon Yellow
- สีบรอนซ์เงิน Bullet Silver

รถไฟฟ้าอีกรุ่น NEW MG4 ELECTRIC ที่รอบนี้มาด้วยสีสันใหม่ที่เด่นสะดุดตา
ดีไซน์ภายนอก
- ไฟหน้า และไฟท้าย LED
- หลังคาแบบทูโทน พร้อมสปอยเลอร์หลังแบบ TWIN ARROW WING
- ล้ออัลลอย ขนาด 17 นิ้ว พร้อม AERO WHEEL COVER ในรุ่น STANDARD RANGE และอัปเกรดเพิ่มเติมในรุ่น LONG RANGE และ รุ่น XPOWER ด้วยล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว
- มิติตัวถัง 4,287 x 1,836 x 1,516 มิลลิเมตร (ยาว x กว้าง x สูง)
- ระยะความยาวฐานล้อ 2,705 มิลลิเมตร
รุ่น STANDARD RANGE และ LONG RANGE เพิ่มเติมใบปัดน้ำฝนด้านหลัง มาพร้อม Adaptive Grille ที่สามารถปรับองศาให้สอดคล้องกับความเร็วได้
ในส่วนของรุ่น XPOWER ตกแต่งด้วยคาลิปเปอร์เบรกสีส้ม และโลโก้ XPOWER ด้านหลัง

ดีไซน์ภายในและฟังก์ชันอำนวยความสะดวก
- อุปกรณ์ชาร์จแบบไร้สาย (Wireless charger)
- พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน ปรับ 4 ทิศทาง
- พวงมาลัย ควบคุมเครื่องเสียงพร้อมปุ่มรับ - วางสายโทรศัพท์
- กระจกมองหลังแบบตัดแสงอัตโนมัติ
- หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะ Dual Screen แบบดิจิตอลขนาด 7 นิ้ว (Digital Multi-function Display)
- ลำโพง 6 จุด
- ช่องจ่ายไฟ Power Outlet 12V
- รองรับการเชื่อมต่อมัลติมีเดีย Apple CarPlay และ สมาร์ทโฟนระบบ Android แบบไร้สาย ในรุ่น STANDARD RANGE และ LONG RANGE
- พร้อมช่องเชื่อมต่อ USB TYPE A และ C
- ระบบกรองอากาศ PM2.5
- เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง และเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับ 4 ทิศทาง
- เบาะนั่งด้านหลังพนักพิงปรับได้ 60:40
- โหมด Intelligent Smart Access เมื่อผู้ขับขี่อยู่ในตำแหน่งคนขับ และเหยียบเบรกระบบการทำงานของรถจะสตาร์ทอัตโนมัติ
- หน้าจอสีระบบสัมผัสขนาด 12 นิ้ว เฉพาะรุ่น STANDARD RANGE และ LONG RANGE
- เพิ่มความสะดวกในการใช้งานกับ ช่องวางแก้วด้านข้างประตู เฉพาะรุ่น STANDARD RANGE และ LONG RANGE
- เพิ่มราวมือจับสำหรับผู้นั่งโดยสาร (Assist Grip) 3 ตำแหน่ง เฉพาะรุ่น STANDARD RANGE และ LONG RANGE

สมรรถนะการขับขี่
รุ่น STANDARD RANGE
- มอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor พละกำลังสูงสุดที่ 170 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร
- แบตเตอรี่ขนาดความจุ 49 kWh (LFP) สามารถวิ่งได้ 423 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง
รุ่น LONG RANGE
- มอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor พละกำลังสูงสุดที่ 170 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร
- แบตเตอรี่ขนาดความจุ 64 kWh (NMC) สามารถวิ่งได้ระยะทาง 540 กิโลเมตร* ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง
รุ่น XPOWER
- มอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor พละกำลังสูงสุดที่ 435 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 3.8 วินาที

ระบบการชาร์จ NEW MG4 ELECTRIC
รุ่น STANDARD RANGE
- ชาร์จแบบเร็ว Quick Charge ชาร์จไฟฟ้าจาก 10% - 80% ใช้เวลาประมาณ 35 นาที
- ชาร์จแบบธรรมดา Normal Charge ผ่าน MG HOME CHARGER 0% – 100% ใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมง
รุ่น XPOWER และ LONG RANGE
- ชาร์จแบบเร็ว Quick Charge ชาร์จไฟฟ้าจาก 10% - 80% ใช้เวลาประมาณ 26 นาที
- ชาร์จแบบธรรมดา Normal Charge ผ่าน MG HOME CHARGER 0% – 100% ใช้เวลาประมาณ 9 ชั่วโมง 45 นาที
- รองรับระบบ V2L เปลี่ยนรถยนต์พลังงานไฟฟ้าให้สามารถเป็นแหล่งจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า
สีภายนอก
- รุ่น STANDARD RANGE ประกอบด้วย 2 รุ่นย่อย คือ รุ่น D ภายในสีดำ และ รุ่น X ภายในสีทูโทนเทา-ดำ พร้อมหลังคาแบบทูโทน (Blacktop)
- รุ่น LONG RANGE หรือ รุ่น V ภายในสีทูโทนเทา-ดำ พร้อมหลังคาแบบทูโทน (Blacktop) โดยมีสีตัวถังให้เลือก คือ สีส้ม (Fizzy Orange) สีขาว (Arctic White) สีเทา (Andes Grey) สีดำ (Black Knight) และเฉพาะสีฟ้า (Brighton Blue) จะมีในรุ่น X และ รุ่น V
- รุ่น XPOWER AWD ภายในสีดำ พร้อมหลังคาแบบทูโทน (Blacktop) กับสีตัวถังที่โดดเด่นอย่าง สีเขียว (Wild Hunter Green)
ราคาจำหน่าย
- NEW MG4 ELECTRIC – STANDARD RANGE รุ่น D ราคา 709,900 บาท
- NEW MG4 ELECTRIC – STANDARD RANGE รุ่น X ราคา 809,900 บาท
- NEW MG4 ELECTRIC – LONG RANGE รุ่น V ราคา 889,900 บาท
- NEW MG4 ELECTRIC รุ่น XPOWER AWD ราคา 1,119,900 บาท

สำหรับ NEW MG MAXUS 7 รถ E:MPV ขนาด 7 ที่นั่ง ตอบโจทย์กลุ่มครอบครัวสมัยใหม่ และเปิดรับจองในงานฯ นี้
ดีไซน์ภายนอก
- มิติตัวถัง 4,907 x 1,885 x 1,768 มิลลิเมตร (ยาว x กว้าง x สูง)
- ระยะความยาวฐานล้อ 2,975 มิลลิเมตร
- กระจังหน้าแนวใหม่ Grille less Design หรูหราแบบเรียบง่าย
- ไฟหน้า ไฟเบรกดวงที่ 3 และไฟท้ายแบบ LED โดยที่ไฟหน้ามาพร้อมระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าแบบอัตโนมัติ
- ระบบไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวัน (Daytime Running Lights)
- ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ที่มาพร้อม Aero Wheel Cover ดีไซน์ใหม่
- กระจกมองข้างพับและปรับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว
- ระบบไล่ฝ้ากระจกหลัง และ สปอยเลอร์หลัง
- หลังคาพาโนรามิกซันรูฟแบบ One Touch
- ประตูสไลด์ด้านข้างเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมฝากระโปรงท้ายระบบไฟฟ้า
- ที่เปิดประตูแบบเก็บซ่อนในตัวรถ (Hidden Door Handle)

ดีไซน์ภายในและฟังก์ชันอำนวยความสะดวก
- ภายในห้องโดยสารสีทูโทน ตกแต่งด้วยวัสดุแบบ SOFT TOUCH
- เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง Nappa และวัสดุหนังสังเคราะห์
- ดีไซน์คอนโซลหน้าแบบ Double Layer พร้อมที่วางแก้ว และรองรับการชาร์จแบบไร้สาย (Wireless Charger)
- เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง พร้อมระบบดันหลังไฟฟ้า และเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง พร้อมปรับอุณหภูมิร้อน – เย็น ได้
- เบาะนั่งแถวที่สองแบบ Captain Seat ปรับแบบแมนนวล กระชับทุกสรีระ
- พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันหุ้มหนังปรับ 4 ทิศทาง ควบคุมเครื่องเสียงพร้อมปุ่มรับ-วางโทรศัพท์
- หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้ว แบบ Dual Widescreen ที่เชื่อมต่อกับหน้าจอสีระบบสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว
- ลำโพง 8 จุด
- ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือผ่านบลูทูธ พร้อมช่องเชื่อมต่อ USB
- รองรับการเชื่อมต่อมัลติมีเดีย Apple CarPlay และสมาร์ทโฟนระบบ Android
- กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ
- ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ แยกโซนด้านหน้าและหลัง พร้อมระบบกรองอากาศ PM 2.5
- ระบบกุญแจนิรภัยแบบอัจฉริยะ

สมรรถนะ NEW MG MAXUS 7
- ขุมพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor ที่ให้พละกำลังสูงสุดที่ 245 แรงม้า (180 กิโลวัตต์) แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตร
- แบตเตอรี่แบบ Lithium-ion จัดวางแบบ Cell To Pack ขนาดความจุ 90 kWh สามารถวิ่งในระยะทางสูงสุด 480 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP
- แบตเตอรี่มาตรฐานความปลอดภัย IP67 ในการป้องกันน้ำและฝุ่น
- ระบบ KERS (Kinetic Energy Recovery System) 3 ระดับ ได้แก่ มาก ปานกลาง และน้อย
- ดิสก์เบรกหน้าพร้อมช่องระบายความร้อน และดิสก์เบรกหลัง
- ระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระแมคเฟอร์สันสตรัท และระบบช่วงล่างด้านหลังแบบอิสระมัลติลิงค์
ระบบการชาร์จ NEW MG MAXUS 7
- ชาร์จแบบเร็ว DC Quick Charge ชาร์จไฟฟ้าจาก 30% - 80% ใช้เวลาประมาณ 30 นาที
- ชาร์จแบบธรรมดา Normal Charge ชาร์จไฟฟ้าจาก 5% – 100% ใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมง 30 นาที
- รองรับระบบ V2L เปลี่ยนรถยนต์พลังงานไฟฟ้าให้สามารถเป็นแหล่งจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า โดยสามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าระดับ 6.6 kW

สีภายนอก NEW MG MAXUS 7
- สีขาว (Pearl White)
- สีดำ (Black Knight)
- สีเทาหลังคาดำ (Concrete Grey and Black Top)
ส่วนสีภายในดูเรียบหรูด้วยโทนสีดำและสีน้ำตาล
NEW MG MAXUS 7 มีกำหนดนำเข้ามาจัดจำหน่ายและเปิดตัวในประเทศไทยภายในปี 2567
เปิดจองสิทธิ์เป็นเจ้าของภายในงานมอเตอร์โชว์ 2024 ระหว่างวันที่ 25 มี.ค. – 7 เม.ย. 2567
- จอง 10,000 บาท รับส่วนลด 20,000 บาท
- ประกันคุณภาพรถยนต์นาน 5 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)
- รับประกันแบตเตอรี่นาน 8 ปี หรือ 200,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

ปิดท้ายที่ NEW MG5 PRO สปอร์ตคูเป้ซีดาน ที่ปรับให้โฉบเฉี่ยว สะกดทุกสายตากว่าเดิม
ดีไซน์ภายนอก
- มิติตัวถัง 4,675 x 1,842 x 1,480 มิลลิเมตร (ยาว x กว้าง x สูง)
- ระยะความยาวฐานล้อ 2,680 มิลลิเมตร
- กระจังหน้า 3 มิติ Black Chrome Gladius Grille Design
- สปอยเลอร์หลังสี Glossy Black
- ไฟหน้า และไฟท้าย LED พร้อมระบบเปิด-ปิด ไฟหน้าอัตโนมัติ
- ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวัน (Daytime Running Lights)
- ล้ออัลลอยสีดำดีไซน์ใหม่ขนาด 17 นิ้ว ดีไซน์ใบพัด 5 ก้าน
- ตกแต่งด้วยคาลิปเปอร์เบรกสีแดง
ดีไซน์ภายใน
- เบาะหนังทรงสปอร์ตโอบรับสรีระ
- เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง
- ดีไซน์คอนโซลหน้า 3D Diamond
- ดีไซน์คอนโซลกลางแบบ Driver-focus cockpit ที่เหมาะสมกับตำแหน่งคนขับ
- หลังคาซันรูฟ
- หน้าจอสีระบบสัมผัส ขนาด 10 นิ้ว
- หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบดิจิตอลขนาด 7 นิ้ว
- พวงมาลัยหนังมัลติฟังก์ชัน ควบคุมเครื่องเสียงพร้อมปุ่มรับ - วางสายโทรศัพท์
- กระจกไฟฟ้า One Touch Up-Down
- ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
- ลำโพง 6 จุด
- รองรับระบบเชื่อมต่อมัลติมีเดีย Apple CarPlay และสมาร์ทโฟนระบบ Android แบบไร้สาย
- ระบบกุญแจรีโมทอัจฉริยะ (Smart Key) พร้อมปุ่ม Push Start
- ระบบปรับอากาศแบบดิจิตอล
- ระบบกรองอากาศ PM 2.5

สมรรถนะ NEW MG5 PRO
- เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 114 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 150 นิวตันเมตร ที่ 4,500 รอบต่อนาที
- ระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT 8 สปีด
- ระบบช่วงล่างแบบ EURO TUNING SUSPENSION
- พวงมาลัยหนังมัลติฟังก์ชัน ปรับน้ำหนักได้ 3 ระดับ คือ ในเมือง มาตรฐาน และสปอร์ต
- ระบบพวงมาลัย Rack and Pinion ควบคุมด้วยไฟฟ้า (EPS)
- ดิสก์เบรก 4 ล้อ
- ระบบช่วงล่างหน้า MacPherson Strut พร้อมเหล็กกันโคลง
- ระบบช่วงล่างหลัง Torsion Beam

สีภายนอก NEW MG5 PRO
- สีเขียว (Mineral Green)
- สีแดง (Scarlet Red)
- สีเหลือง (Nuclear Yellow)
- สีเทา (Metal Ash Grey)
- สีขาว (Arctic White)
- สีดำ (Black Night)
ราคาจำหน่าย NEW MG5 PRO
- NEW MG5 PRO รุ่น D ราคา 629,900 บาท
- NEW MG5 PRO รุ่น X ราคา 669,900 บาท
Motor Show 2024 ค่ายน้องใหม่ Zeekr โชว์ Zeekr X-Zeekr 009 รถไฟฟ้า 100% รุ่นล่าสุด
ส่องความงาม Motor Show 2024 ที่แต่ละค่ายขนมาประชันกันแบบจัดเต็ม!