“BYD” ทุ่ม 1.78 หมื่นล้านบาทตั้งโรงงานผลิตในไทย ส่งออกอาเซียน-ยุโรป
“BYD” เปิดโรงงานแห่งแรกของอาเซียนที่ จ.ระยอง ประเทศไทย วันที่ 4 ก.ค. พร้อมหั่นราคาครั้งใหญ่สำหรับผู้ซื้อในไทย
“BYD” แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าของจีน ทุ่มเงินลงทุน 486 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.78 หมื่นล้านบาท) เตรียมเปิดโรงงานแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่จังหวัดระยองของประเทศไทย ในวันที่ 4 ก.ค. นี้ พร้อมลดราคาครั้งใหญ่สำหรับผู้บริโภคในไทย
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะทำให้รถยนต์ Atto 3 SUV ลดราคาสูงสุดถึง 340,000 บาท สะท้อนให้เห็นถึงการแข่งขันรุนแรงที่ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (รถ EV) และผู้ผลิตรถยนต์รายอื่น ๆ ในประเทศไทยต้องเผชิญ ท่ามกลางการชะลอตัวทางเศรษฐกิจและการปฏิเสธสินเชื่อรถยนต์ที่ส่งผลกระทบต่อยอดขาย

บริษัทกล่าวว่า โรงงานไม่ได้มีไว้เพื่อให้บริการเฉพาะตลาดท้องถิ่นเท่านั้น แต่กำลังการผลิตส่วนใหญ่จากที่ผลิตได้ 150,000 คันต่อปีจะถูกส่งออกไปยังพื้นที่อื่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และยุโรปด้วย
การประกาศดังกล่าวเกิดขึ้นพร้อมกับที่มาตรการขึ้นภาษีรถยนต์ไฟฟ้านำเข้าจากจีนของยุโรปจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 4 ก.ค. เช่นกัน
โดยจากเดิมที่มีการเรียกเก็บภาษีประมาณ 10% ทางคณะกรรมาธิการยุโรปได้แจ้งต่อผู้ผลิตรถยนต์ว่า จะเรียกเก็บภาษีสำหรับการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าของจีนสูงสุดถึง 38.1%
ความเคลื่อนไหวข้างต้นเป็นความพยายามของสหภาพยุโรปในการสร้างสนามแข่งขันสำหรับแบรนด์ของตนเองเพื่อต่อต้านอุตสาหกรรมยานยนต์ของจีนที่เข้ามาตีตลาดอย่างหนัก
จีนบอกว่า การขึ้นภาษีดังกล่าวเป็นเรื่องที่ไม่ยุติธรรม โดยชี้ว่าอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าของตนมีความได้เปรียบเพราะเทคโนโลยีและห่วงโซ่อุปทาน
ทั้งนี้รถยนต์ไฟฟ้าค่าย BYD จะโดนอัตราภาษีเพิ่มเติม 17.4% ถือเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ถูกขึ้นภาษีต่ำสุดในบรรดารถยนต์ไฟฟ้าจากจีน
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ผู้ผลิตรถยนต์ของจีนจะได้รับผลกระทบจำกัด เนื่องจากการส่งออกไปยังยุโรปตะวันตกระหว่างเดือน ม.ค.-เม.ย. ที่ผ่านมาคิดเป้นเพียง 10% ของการส่งออกทั้งหมดเท่านั้น
แต่นั่นก็อาจหมายถึงสินค้าคงคลังส่วนเกินที่เริ่มสะสมในประเทศจีนเนื่องจากการบริโภคภายในประเทศที่ชะลอตัวอาจทะลักเข้าสู่ตลาดในบริเวณใกล้เคียงแทน
นายนฤดม มุจจลินทร์กูล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด กล่าวว่า “จีนยังคงล้างสต็อก อาจมีรถยนต์ส่งไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้น เนื่องจากไม่สามารถส่งไปยุโรปได้ และประเทศไทยไม่มีการเรียกเก็บภาษี”
ผู้ผลิตชาวจีนรุกเข้าสู่ตลาดรถยนต์ของไทยอย่างรวดเร็ว ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากอุปสรรคทางการค้าที่ต่ำ รัฐบาลไทยเสนอลดภาษีรถยนต์สำเร็จรูปและส่วนประกอบที่นำเข้าโดยผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าหากบริษัทเหล่านี้เข้ามาตั้งโรงงานในไทย
การจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าใหม่ของผู้ขับขี่ในไทยเพิ่มขึ้น 31.64% ในเดือน ม.ค.-พ.ค. ที่ผ่านมา เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แม้ว่ายอดขายรถยนต์โดยรวมจะลดลง 23.8%
โดยเฉลี่ยแล้ว ยอดขายรถยนต์ในประเทศไทยช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา อย่างน้อย 30% เป็นรถยนต์นำเข้า
เมื่อปลายปีที่แล้ว BYD ครองตลาดรถ EV ในประเทศไทยได้ถึง 40% โดยได้รับแรงหนุนจากข้อเสนอราคาที่เอื้อเฟื้อและการตลาดที่ราบรื่นโดย ส่วนคู่แข่งจากจีนด้วยกันอย่าง Neta และ Great Wall Motor ตามมาที่ 17% และ 16% ตามลำดับ
ทั้งนี้ โรงงานของ BYD ในจังหวัดระยองสามารถผลิตรถยนต์ได้มากถึง 150,000 คันต่อปี แต่อาจไม่สามารถมีกำลังการผลิตดังกล่าวได้ในปีแรก ขณะที่กำลังการผลิตโดยรวมต่อเดือนของโรงงานคู่แข่งที่อยู่ในไทยนั้นอยู่ที่ต่ำกว่า 1,000 คัน
นอกจากโรงงานผลิตรถยนต์แล้ว บริษัทในเครือของ BYD กำลังสร้างโรงงานมูลค่า 3.89 พันล้านบาทสำหรับผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าและปลั๊กอินไฮบริดในไทยด้วย ก่อนที่การยกเว้นภาษีจะสิ้นสุดในปี 2026
และในขณะที่ภาคยานยนต์ของไทยกำลังเผชิญแรงกดดันจากภายในในประเทศ ภาคยานยนต์ของไทยยังต้องระวังการสูญเสียส่วนแบ่งการตลาดให้กับจีนในออสเตรเลีย ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางการส่งออกที่สำคัญที่สุดด้วย
เมื่อปีที่แล้ว ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในออสเตรเลียเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่า ซึ่งเป็นสัญญาณที่น่ากังวลสำหรับการส่งออกรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปของไทย โดย BYD มียอดขายในออสเตรเลียเป็นรองแค่เทสลา (Tesla) เท่านั้น
นักวิเคราะห์จาก HSBC ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อปริมาณการขายและการเติบโตของส่วนแบ่งตลาดของ BYD แม้ว่าจะลดการคาดการณ์กำไรสุทธิของบริษัทลง 8% ก็ตาม
นักวิเคราะห์บอกว่า “เราเชื่อว่าบริษัทอื่น ๆ ไม่สามารถเลียนแบบความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีของบริษัท BYD ได้อย่างง่ายดาย ด้วยนวัตกรรมที่สั่งสมมายาวนานกว่าทศวรรษและความสามารถในการบูรณาการในแนวดิ่งอันเป็นเอกลักษณ์”
เรียบเรียงจาก Nikkei Asia
สรุป 8 ทีมสุดท้าย ยูโร 2024 โปรแกรมรอบก่อนรองฯ เวลาแข่งขัน EURO 2024
ไม่ใช่แค่มนุษย์ที่ผ่าตัดเป็น! นักวิทย์พบ “มด” รู้จักการผ่าตัดช่วยชีวิตมดตัวอื่น