บุกโรงงานผลิตรถ MG ในประเทศไทย มุ่งเป้าฮับส่งออกยุโรป
PPTV Wealth พาบุกโรงงานเอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี ผู้ผลิตแบรนด์ MG เปิดไลน์ผลิต ALL NEW MG3 HYBRID+ ในไทย
ประเทศไทยถือเป็นยุทธศาสตร์ที่ MG มุ่งมั่นเข้ามาดำเนินธุรกิจและการตลาดด้วยศักยภาพทั้งในแง่ของอัตราการเติบโตและการใช้งานรถภายในประเทศ และทำเลที่ตั้งที่มีโอกาสและความเป็นไปได้ในการส่งออกไปยังภูมิภาคอาเซียน จึงได้สร้างโรงงานผลิตรถยนต์แบบครบวงจรที่นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเออีสเทิร์นซีบอร์ด 2 จังหวัดชลบุรี
PPTV Wealth พาบุกโรงงานเอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี ผู้ผลิตแบรนด์ MG บนพื้นที่กว่า 437.5 ไร่ ด้วยงบลงทุนกว่า 30,000 ล้านบาท โดย MG ถือเป็นแบรนด์รถยนต์จีนที่มีการลงทุนตั้งฐานการผลิตในไทยสูงเป็นอันดับต้น ๆ
ยลโฉม MG3 HYBRID+ โกลบอลโมเดลอีกรุ่นที่จะลุยตลาดทั่วโลก
เผยภาพ 'MG3 Hybird' ก่อนเปิดตัวครั้งแรกในโลกที่ เจนีวา มอเตอร์โชว์
'เอ็มจี' ตั้งเป้าปี'67 ขาย 4 หมื่นคันโต 50% เตรียมส่ง 4 รุ่นใหม่ลงตลาด
จุดเด่นของที่นี่คือสามารถผลิต และประกอบรถยนต์ครอบคลุมทุกรูปแบบ ทั้งรถยนต์สันดาป รถยนต์พลังงานไฟฟ้า ไฮบริด ปลั๊กอินไฮบริด ทั้งรถเก๋ง รถกระบะ 4 ประตู และ 2 ประตู ด้วยกำลังการผลิตสูงสุด 100,000 คันต่อปี มีพนักงานทั้งหมด 887 คน และส่วนใหญ่เป็นคนไทย (866 คน หรือราว 98%)
ที่นี่ประกอบไปด้วย 3 Shop หลัก ๆ คือ Body Shop โรงประกอบตัวถัง Paint Shop โรงพ่นสี และที่เราจะพาไปดูวันนี้ คือ General Assembly Shop หรือโรงประกอบทั่วไป กำลังการผลิตสูงสุดสามารถผลิตรถยนต์ได้ 18 คันต่อชั่วโมง หรือรถหนึ่งคันใช้เวลาไม่เกิน 8 ชั่วโมง จากโครงรถ จนกลายเป็นรถยนต์ที่สามารถสตาร์ทเครื่องได้
เมื่อประกอบส่วนต่าง ๆ ของรถยนต์เสร็จแล้วก็จะต้องนำเข้าไปที่ Tester Line เพื่อทดสอบคุณภาพของรถยนต์ ทดลองขับ ก่อนที่รถยนต์ทั้งหมดนี้จะถูกนำมาจำหน่ายในประเทศไทยและอีก 1 ใน 3 ส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน
โดยตั้งแต่ปี 2557 จนถึงเดือนก.ค. 2567 มีปริมาณการผลิตรวม 205,587 คัน และเริ่มส่งออกในปี 2563 รวมทั้งสิ้น 25,371 คัน ไปยังประเทศอินโดนีเซียและเวียดนาม นอกจากนี้ยังมีแพลนที่จะส่งออกไปยังมาเลเซียในอนาคตด้วย พร้อมเน้นย้ำความพร้อมในการเป็นศูนย์กลางผลิตและส่งออกยานยนต์ไฟฟ้าทั่วภูมิภาคอาเซียน
โรงงานนี้ยังใช้ประกอบ ALL NEW MG3 HYBRID+ ที่เพิ่งเปิดตัวเป็นครั้งแรกในวันที่ 20 ส.ค. 67 ตอบรับนโยบายรัฐฯ สนับสนุนให้เกิดการเปลี่ยนผ่านจากรถยนต์ ICE ไปสู่รถยนต์ทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเป็นตัวเลือกสำหรับผู้บริโภคที่ลังเลในการซื้อรถ EV มาพร้อมกับกว่า 190 แรงม้า น้ำมัน 1 ถัง วิ่งใช้งานได้ไกล 970 กิโลเมตร ถือเป็นอีกหนึ่งรุ่นเรือธงที่ MG มุ่งมั่นผลักดันการผลิตรถไฮบริดแทนที่รถยนต์สันดาป เพื่อเดินหน้าสู่การเป็น green mobility และสอดคล้องกับเทรนด์การใช้ชีวิตของผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
ที่นี่ยังมีโรงงานประกอบแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าแห่งแรกในประเทศไทย ด้วยงบลงทุนราว 500 ล้านบาท มีสายการผลิตอัตโนมัติที่ทันสมัยอย่างการนำหุ่นยนต์เข้ามาช่วยในการผลิตเพื่อให้ได้มาตรฐานที่แม่นยำ สามารถประกอบแบตเตอรี่ Cell-To Pack ได้สูงสุดมากกว่า 50,000 แพ็คต่อปี
นายอาทิตย์ ตั้งวัฒนารัตน์ รองผู้อำนวยการ ฝ่ายวิศวกรรมการผลิต บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด เปิดเผยว่า MG มียอดขายจนถึงเดือนก.ค. 2567 รวมอยู่ที่ 226,314 คัน โดยยอดขายโดยรวมในปี 2566 อยู่อันดับที่ 7 ของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 3.7% ซึ่งส่วนหนึ่งที่ทำให้ยอดขายเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ เป็นเพราะราคาน้ำมันที่แพงขึ้นทำให้ผู้บริโภคหันมาสนใจรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น
อย่างไรก็ตาม นายสุโรจน์ แสงสนิท รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด ยอมรับว่า จากปัญหาหนี้ครัวเรือนส่งผลให้ยอดขายรถยนต์ในประเทศชะลอลง เนื่องจากอัตราการปฏิเสธสินเชื่อเพิ่มสูงขึ้น
ขณะที่มาตรการ EV 3.0 ที่รัฐบาลให้เงินอุดหนุนสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ลดอัตราภาษีสรรพสามิต จาก 8% เหลือ 2% เพื่อดึงดูดให้ผู้ประกอบการเข้ามาตั้งฐานการผลิตในไทย แต่มีเงื่อนไขว่าจะต้องผลิตรถ EV ชดเชยเท่ากับยอดที่นำเข้ามาจำหน่าย โดยหากเริ่มผลิตรถ EV ในไทยปี 67 จะต้องผลิตชดเชย 1 เท่า และหากผลิตรถ EV ในปี 68 จะต้องผลิตชดเชย 1.5 เท่านั้น นายสุโรจน์ มองว่า ตลาดในประเทศไม่สามารถรองรับได้หมด เพราะปัจจุบันกำลังซื้อยังไม่ดี หนี้ครัวเรือนสูง สินเชื่อตีกลับ ขณะที่ตลาดในอาเซียนดีมานด์ก็อาจจะไม่พอ หวั่นเกิดภาวะ EV ล้นตลาด จึงต้องหาตลาดส่งออกอื่น ๆ เพื่อรองรับ
ในขณะที่ได้เตรียมความพร้อมในการส่งออกไปยังตลาดยุโรปเพราะเป็นตลาดที่มีกำลังซื้อสูง ประกอบกับ EU ได้ขึ้นภาษีสำหรับรถ EV ที่นำเข้าจากจีน จาก 10% เป็น 37.6% ทำให้จีนต้องย้ายฐานการผลิต จึงเป็นโอกาสสำหรับรถ EV ที่มีฐานการผลิตอยู่ในประเทศไทย เป็นโอกาสของเราที่จะส่งออกไปยังยุโรปแทนจีน แต่ยังต้องเพิ่ม Local Content หรือต้องใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในประเทศไทยสำหรับการผลิตรถยนต์ให้มากขึ้นก่อนจึงจะสามารถส่งออกไปยังยุโรปได้ นอกจากนี้ MG ยังตั้งเป้าที่จะเป็นแบรนด์แรกในประเทศไทยที่ส่งออกรถยนต์ BEV ด้วย
ท่ามกลางการแข่งขันอย่างดุเดือดในตลาด EV โดยเฉพาะสงครามการหั่นราคา นายสุโรจน์ ยืนยันว่า MG ไม่มีนโยบายทำสงครามราคา เพราะมองว่าไม่ได้ทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น ในทางกลับกันอาจส่งผลให้ผู้บริโภคเกิดความลังเล