10.00 น. นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรค พลังประชารัฐ เดินทางเข้าให้ถ้อยคำกรณีหุ้นสื่อไอทีวีของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ พร้อมกับยื่นหนังสือร้องเรียนกับสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อขอให้ตรวจสอบพรรคก้าวไกล รวมถึงพรรคการเมืองอีก 7 พรรค ที่ร่วมกันลงนามบันทึกความเข้าใจร่วมกัน (MOU) ในการจัดตั้งรัฐบาลเมื่อวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยอาจเข้าข่ายกระทำการฝ่าฝืน พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง โดยแต่ละข้อที่มีการลงนามบันทึกข้อตกลง มีประเด็นที่น่าสงสัยตรงคำว่า บันทึกข้อตกลงร่วม ไม่ตรงกับคำว่าบันทึกความเข้าใจร่วมกันในการจัดตั้งรัฐบาล และคำว่าผู้แทนราษฎร์ที่ถูก ควรเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร์ นอกจากนี้ในรัฐธรรมนูญมีการบัญญัติว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร์ และสมาชิกวุฒิสภา ย่อมเป็นแทนปวงชนชาวไทย ไม่อยู่ในความผูกมัดหรือการครอบงำใดๆ และมองว่าสำหรับพรรคการเมืองที่มีคณะกรรมการบริหารพรรคเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินกิจกรรมของพรรคตามข้อบังคับ ต้องกระทำด้วยความรอบคอบ และต้องรับผิดชอบร่วมกันในเรื่องของมติต่างๆ และที่สำคัญคือห้ามมิให้พรรคการเมืองยินยอมหรือกระทำการใดอันทำให้บุคคลอื่น ซึ่งมิใช่สมาชิกพรรคครอบงำหรือชี้นำไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ซึ่งการเซ็น MOU ในลักษณะนี้ก็เหมือนยินยอมให้พรรคการเมืองครอบงำกันเอง ซึ่งหากพบว่ามีมูลความผิดจริงก็อาจถึงขั้นยุบพรรคการเมืองที่มีการเซ็น MOU ทั้ง8พรรค นายเรืองไกร บอกอีกว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น โดยเฉพาะข้อบังคับพรรคก้าวไกลเมื่อปี 2563 ไม่พบการกำหนดที่เกี่ยวกับการลงนามในบันทึกความเข้าใจร่วมกันในการจัดตั้งรัฐบาล อีกทั้งในเรื่องของอำนาจหน้าที่ของหัวหน้าพรรคได้มีข้อกำหนดไว้ชัดเจน จึงเห็นได้ว่าพรรคการเมืองทั้ง 8 พรรคที่ได้มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจร่วมกันในการจัดตั้งรัฐบาล อาจขัดต่อข้อบังคับของพรรคก้าวไกลด้วย และยังอาจทำให้บุคคลอื่นเข้าใจได้ว่าแต่ละพรรคการเมืองต่างฝ่ายต่างยินยอมให้หัวหน้าพรรคการเมืองที่เป็นบุคคลอื่น ซึ่งไม่ใชสมาชิกกระทำการอันเป็นการควบคุม ครอบงำ กิจกรรมของพรรคการเมืองในลักษณะที่ทำให้ขาดความอิสระไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม จึงมีเหตุอันควรให้ กกต.ตรวจสอบเรื่องดังกล่าว (เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2566) PPTVPHOTO #ทวีชัยจันทะวงค์ #PPTVHD36 #กกต #หุ้นสื่อพิธา #เรืองไกรร้องหุ้นสื่อพิธา #เรืองไกรลีกิจวัฒนะ #เรืองไกรร้องยุบพรรค