14.00 น. นายวีรพัฒน์ ปริยวงศ์ นักกฎหมายอิสระ ให้สัมภาษณ์กรณีที่คณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) รับ คดีฮั้วการเลือก สว.67 ในข้อหาฟอกเงิน เป็นคดีพิเศษ ว่า อันดับแรกคดีนี้มีความสลับซับซ้อน และมีแง่มุมละเอียดอ่อน จึงต้องใช้คณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ประชุมหารือ คำว่า “ฮั้ว” ที่หลายคนเริ่มสับสนว่ามาเกี่ยวข้องอย่างไรกับการฟอกเงินนั้น ในกฎหมายไม่ได้เขียนคำว่าฮั้วแปลว่าอะไร
.
“แต่ความผิดวันนี้ที่ กคพ. ได้มีมติให้ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ คือความผิดตามมาตรา 77 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.) ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. เพราะต้องการทำให้เห็นว่า ไม่ได้เข้าไปล้วงลูกคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการได้มาซึ่ง สว. แต่ดันโยงกับกฎหมายของคดีพิเศษ ผ่านช่องทางกฎหมายฟอกเงิน ” นายวีรพัฒน์ กล่าว
.
นายวีรพัฒน์ กล่าวว่า ปกติหากดูตามบัญชีแนบท้าย จริง ๆ แล้ว ดีเอสไอ ไม่จำเป็นต้องมาประชุมให้ซับซ้อน แต่คดีนี้เผอิญเป็นเรื่อง ที่เกี่ยวกับการได้มาซึ่ง สว. เป็นองค์กรนิติบัญญัติที่ใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญ หาก DSI รับเอง อธิบดีก็รับเผือกร้อนไปคนเดียว แต่ตอนนี้สบายใจได้ เพราะมีทั้งรองนายกฯและรัฐมนตรียุติธรรม รวมถึงหลายหน่วยงานมาลงมติในวันนี้ จึงทำให้สังคมเห็นว่าการดำเนินงานเรื่องนี้เป็นไปด้วยความระมัดระวัง
.
นายวีรพัฒน์ ระบุว่า หากพูดในภาษากฎหมาย ก็คือข้อหาตามมาตรา 77 พ.ร.ป. ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. โดยเกี่ยวข้องกับการเสนอผลประโยชน์ตอบแทน พอมีผลประโยชน์เป็นตัวเงินก็เลยเข้าลักษณะมูลฐานการฟอกเงิน ดีเอสไอ จึงใช้ช่องทางนี้ดึงเข้า
.
ส่วนในกรณีคำว่า อั้งยี่,ซ่องโจร ความจริงสามารถโยงกันได้ เพราะคำว่าอังยี่ ไม่ได้มาบอกว่าต้องทำผิดกฎหมายมาตราไหน ขอแค่สมรู้ร่วมคิด ปิดบังวัตถุประสงค์ที่แท้จริง เพื่อเป้าหมายที่ผิดกฎหมาย ก็เป็นความผิดฐานอั้งยี่ได้
.
“เพราะฉะนั้นตอนนี้กฎหมายมันชัดมากแล้วว่า ดีเอสไอ และ กคพ. ไม่ได้เข้าไปล้วงลูก กกต.ใด ๆ เลย เพราะเขาไม่ได้ไปแตะ พ.ร.ป ว่าด้วย กกต . เขาไม่ได้ไปใช้ฐานความผิดว่าด้วยสินบน เกี่ยวกับการจ่ายสินบนข่มขู่ผู้สมัคร หรือนโยบายหาเสียงที่ผิดกฎหมาย เขาพูดตามมาตรา 77 ซึ่งโยงเข้ากับมาตรา 21 ของDSI” (เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2568)
“วีรพัฒน์“ เชื่อ “ดีเอสไอ” สาวคดีอั้งยี่ซ่องโจรฮั้ว สว.ได้ผ่านเส้นทางการเงิน
5 ภาพ | เผยแพร่ 6 มี.ค. 2568