CBD และ THC สารสกัดจากกัญชา มีประโยชน์ด้านการแพทย์อย่างไร?
รู้หรือไม่ ปัจจุบันทางการแพทย์ได้มีการนำสารสกัดจากกัญชามาใช้ในการรักษา เพื่อเป็นทางเลือกในการบรรเทาอาการและความเจ็บปวดของโรคที่ไม่มีทางรักษาให้หายได้ รู้จักสาร CBD และ THC คืออะไร? และขึ้นชื่อว่ากัญชาอันตรายหรือไม่?
กัญชามีสารประกอบกลุ่มแคนนาบินอยด์ (Cannabinoid)ที่ในปัจจุบันถูกนำมาใช้ในทางการแพทย์เพื่อช่วยบรรเทาอาการเจ็บป่วย ลดความวิตกกังวล ลดอาการปวด และช่วยแก้ปัญหาสุขภาพด้านอื่นๆ ตามดุลยพินิจของแพทย์
สาร 2 ชนิด ประกอบด้วย
- Cannabidiol (CBD)
ไม่จัดเป็นยาเสพติด และเป็นสารที่ไม่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท (Non-psychoactive) ไม่ทำให้มึนเมาหรือติด สาร CBD จะมีฤทธิ์เพื่อการคลายเครียด ช่วยบรรเทาการอักเสบของแผล
“ชลน่าน” นัดผู้เกี่ยวข้องถก คืนบางส่วน “กัญชา” เป็นยาเสพติด
กรมการแพทย์ ยัน สารสกัดกัญชารักษาโรคไม่ใช่ทางเลือกแรก-ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์
ช่วยปกป้องเซลล์ประสาท ต้านชัก ลดความเจ็บปวด ลดอาการคลื่นไส้ ต้านฤทธิ์ต่อจิตประสาท และยังสามารถต่อต้านหรือยับยั้งเซลล์มะเร็งจึงถูกนำมาใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย ทั้งการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย ดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคองเพื่อให้มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น รวมถึงมีการนำไปใช้ในกลุ่มผลิตภัณฑ์สมุนไพร ยา และอาหาร
- Tetrahydrocannabinol (THC)
ยังจัดอยู่ในกลุ่มสารเสพติดประเภทที่ 1 (องค์การอนามัยโลก) มีฤทธิ์ต่อจิตประสาท (Psychoactive) ทำให้เคลิบเคลิ้ม ผ่อนคลาย ทำให้ง่วง หลับง่าย ช่วยบรรเทาอาการนอนไม่หลับ เบื่ออาหาร ลดอาการปวดในผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย ต้านอาการคลื่นไส้อาเจียนจากเคมีบำบัด โดย THC จะต้องสั่งโดยแพทย์เฉพาะทางด้านมะเร็งเท่านั้น เพราะเป็นสารที่ทำให้เกิดการเสพติดได้ ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขประกาศให้สารสกัด THC ไม่เกิน 0.2% ไม่เป็นยาเสพติด จึงสามารถใช้เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ การศึกษาวิจัย การทำผลิตภัณฑ์ โดยอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด
CBD มีประโยชน์ด้านใดบ้าง ?
สาร CBD มีสรรพคุณที่ดีต่อสุขภาพหลายอย่าง แต่จะเน้นไปที่การบรรเทามากกว่าการรักษา จึงเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ใช้ช่วยบรรเทาอาการจากโรค โดยเฉพาะในผู้ป่วยระยะสุดท้าย ที่จัดเป็นกลุ่มที่น่าจะได้ประโยชน์จากการใช้สารสกัดกัญชาทางการแพทย์มากที่สุด
- มีกลไกการออกฤทธิ์ที่ช่วยลดอาการปวด การอักเสบ ลดความกังวล โดยไม่เป็นพิษต่อระบบประสาทและไม่ทำให้เสพติด
- ช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยระยะสุดท้าย
- ช่วยรักษาโรคลมชักที่ดื้อต่อการรักษาด้วยวิธีอื่นๆ
- ช่วยให้เจริญอาหาร
- บรรเทาอาการนอนไม่หลับ
- ลดอาการคลื่นไส้ อาเจียน
- บรรเทาอาการปวดเรื้อรัง
การใช้สารสกัดกัญชาทางการแพทย์ในผู้ป่วยประคับประคอง หรือผู้ป่วยระยะสุดท้ายที่มีโรคหรือภาวะนำไปสู่การเสียชีวิต (life threatening conditions) เช่น โรคมะเร็ง,โรคหลอดเลือดสมอง,โรคถุงลมโป่งพอง,ภาวะหัวใจวายและภาวะไตวายรวมถึงอาการที่เกิดในผู้ป่วยระยะท้ายๆ ที่มีอาการซับซ้อนเนื่องจากร่างกายเสื่อมลง ทำให้การบรรเทาอาการในระยะท้ายด้วยการใช้ยาแผนปัจจุบันหลายตัวพร้อมกันนั้น อาจทำให้เกิดอาการข้างเคียง เช่น อาการปวด เบื่ออาหาร นอนไม่หลับ โดยสาร CBD สามารถช่วยบรรเทาอาการเหล่านี้ได้ ทำให้ผู้ป่วยลดความทรมานลง
สธ. จัดทำ “คู่มือกัญชา” สร้างความเข้าใจนักท่องเที่ยวต่างชาติ
ข้อควรระวังเกี่ยวกับการใช้สาร CBD
แม้สาร CBD จะมีประโยชน์ในการแพทย์ แต่การใช้ยังต้องทำอย่างระมัดระวัง และควรอยู่ในการดูแลของแพทย์ เพราะสาร CBD มีข้อห้ามและข้อควรระวังในการใช้อยู่มาก โดยเฉพาะในเด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์ และคุณแม่ที่ให้นมบุตร ควรหลีกเลี่ยงการใช้สาร CBD และ THC ทั้งในการรักษาบรรเทาทางการแพทย์ การบริโภค รวมถึงผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่มีส่วนผสมของ CBD เพราะจะส่งผลโดยตรงต่อทารกในครรภ์และผ่านทางการให้นมจากแม่สู่ลูกได้ นอกจากนี้การใช้ CBD ยังมีข้อควรระวังอีกหลายอย่าง เช่น
- อาจทำให้ง่วงซึม จึงไม่ควรขับขี่ยานพาหนะ หรือทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักรกล หรือทำงานที่เสี่ยงอันตราย
- ไม่ควรใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน หรือใช้นอกเหนือจากแพทย์สั่ง
- ควรใช้อย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาร่วมกับยากล่อมประสาท หรือยาที่ออกฤทธิ์ทางจิตอื่นๆ
- หากมีอาการแพ้ยา เช่น มีผื่น ปากบวม ตาบวม หน้าบวม ให้หยุดใช้ยาและปรึกษาแพทย์
- ควรใช้ภายใต้การควบคุมและสั่งจ่ายโดยแพทย์ที่ได้รับการอบรมแล้วเท่านั้น
ทั้งนี้ การบำบัดรักษาหรือบรรเทาอาการเจ็บป่วยด้วยโรคต่างๆ ด้วยสาร CBD ตัวผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับการตรวจสุขภาพโดยแพทย์เพื่อประเมินอาการของโรค จากนั้นจึงวางแผนการรักษาเพื่อบรรเทาอาการ โดยแพทย์จะพิจารณาร่วมกับผู้ป่วยและญาติจึงสั่งให้ใช้สาร CBD ได้ภายใต้การดูแลของแพทย์ นับเป็นอีกทางเลือกที่ช่วยให้คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยดีขึ้นได้
ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลพญาไท
ภาพจาก :Freepik
สธ. จัดทำ “คู่มือกัญชา” สร้างความเข้าใจนักท่องเที่ยวต่างชาติ