ใช้ข้อมือหนักซ้ำๆ ระวัง “เอ็นข้อมืออักเสบ” เผยอาการ-วิธีรักษาหายไวไม่เรื้อรัง!
ข้อมือเป็นข้อต่อที่ใช้งานมากที่สุดส่วนหนึ่งของร่างกาย หากใช้งานซ้ำๆ เป็นเวลาติดต่อกันยาวนาน หรือเกิดอุบัติเหตุ อาจส่งผลให้ให้เกิดอาการเจ็บข้อมือพบได้บ่อยที่สุดบริเวณข้อมือฝั่งนิ้วหัวแม่มือ หรือภาวะปลอกหุ้มเอ็นข้อมืออักเสบ (De Quervain’s Tenosynovitis)
เอ็นข้อมืออักเสบ คืออะไร?
เอ็นข้อมืออยู่บริเวณข้อมือฝั่งทางด้านนิ้วโป้ง เป็นเส้นเอ็นที่ใช้ในการขยับเคลื่อนไหวของนิ้วโป้งและข้อมือ ซึ่งเป็นจุดที่มีการอักเสบได้บ่อยที่สุด ตัวเส้นเอ็นนี้มีปลอกหุ้มเส้นเอ็นคลุมตัวเส้นเอ็นอีกชั้นหนึ่ง ถัดลงไปเป็นกระดูกข้อมือ ส่วนที่เกิดอาการเจ็บส่วนใหญ่เกิดการอักเสบรอบๆ ปลอกหุ้มเอ็น เมื่อเกิดการอักเสบทำให้การเคลื่อนไหวของเส้นเอ็นที่อยู่ภายในปลอกเส้นเอ็นมีการติดขัด บวมและเจ็บปวด โดยเฉพาะเมื่อมีการเคลื่อนไหวของนิ้วโป้งหรือข้อมือ

นอกจากปลอกหุ้มเอ็นข้อมือและเอ็นข้อมือ ยังมีกระดูกที่อยู่ลึกลงไป หากมีการบาดเจ็บของกระดูกอาจส่งผลให้เจ็บปวดบริเวณข้อมือได้เช่นกัน แต่มีอาการแสดงที่แตกต่างออกไป เช่น กระดูกข้อมือหักหรือร้าว ข้อโคนนิ้วโป้งเสื่อม เป็นต้น
อาการปลอกหุ้มเอ็นข้อมืออักเสบ
- อาการเจ็บข้อมือ ขณะมีการเคลื่อนไหวในแนวเส้นเอ็น กรณีมีการอักเสบมากอาจมีภาวะข้อมือบวม แดง
- ปวดบริเวณข้อมือด้านนิ้วโป้งที่สัมพันธ์กับการเคลื่อนไหว ปวด บวมมากกว่ามืออีกข้าง และจำกัดการเคลื่อนไหว เช่น เมื่อขยับข้อมือ นอนสะดุ้งตื่นเพราะข้อมือบิดหมุนช่วงหลับโดยไม่รู้ตัว และอาจมีอาการบวมแดงร่วมด้วย
หากปวดจนไม่สามารถใช้ชีวิตหรือทำงานได้ ควรพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกวิธี
สาเหตุและปัจจัยเอ็นข้อมืออักเสบ
- อุบัติเหตุ เช่น ล้ม ในท่าที่มีแรงกระแทก ที่ทำให้เกิดการบาดเจ็บเส้นเอ็น จนส่งผลให้เกิดการอักเสบ
- ผู้ที่ใช้งานข้อมือซ้ำ ๆ ต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน จนเกิดการกระตุ้นให้มีภาวะอักเสบ
- การขยับข้อมือผิดลักษณะ หรือใช้อุปกรณ์ที่ต้องใช้ข้อมือแบบผิดวิธี
- คุณแม่ตั้งครรภ์ อาจเริ่มปวดตั้งแต่ไตรมาสสุดท้าย เนื่องจากเป็นช่วงที่น้ำหนักตัวเพิ่ม ร่างกายมีการสะสมของน้ำและเกลือแร่ร่วมกับการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ทำให้ปลอกหุ้มเอ็นบวม และจำกัดการเคลื่อนไหวของเส้นเอ็นที่อยู่ภายในปลอกหุ้มเอ็น ส่งผลให้มีอาการปวดตามมา โดยอาการอาจจะคงอยู่จนถึงหลังคลอด
- คุณแม่ที่เลี้ยงลูกโดยใช้ข้อมือมากๆ เช่น เปิดปิดขวดนม บิดผ้าอ้อม และอุ้มลูก เป็นต้น
- กลุ่มนักกีฬา ที่ใช้งานข้อมือมากเกินไป รวมถึงการจับอุปกรณ์ที่ไม่เหมาะสม
- เพศหญิง เป็นกลุ่มเสี่ยงปลอกหุ้มเอ็นข้อมืออักเสบมากกว่าผู้ชายถึง 8 เท่า
- ผู้ป่วยโรคข้ออักเสบเรื้อรัง เช่น โรครูมาตอยด์
- พบมากในผู้ที่มีอายุ 30-60 ปี
การรักษาอาการเอ็นข้อมืออักเสบ
- หยุดพักการใช้งานข้อมือข้างที่ปวด บางกรณีแพทย์อาจแนะนำให้เข้าเฝือกข้อมือและนิ้วโป้ง เพื่อลดการใช้งานของเส้นเอ็น
- รับประทานยาลดการอักเสบที่ไม่ใช้สเตียรอยด์
- กายภาพบำบัด และการประคบอุ่น
- ฉีดยาสเตียรอยด์ (Steroid) โดยส่วนใหญ่แพทย์แนะนำให้ฉีดไม่เกิน 2 ครั้ง หากอาการยังไม่ทุเลาลง ควรจะพิจารณาการรักษาด้วยการผ่าตัดเป็นลำดับถัดไป
- การผ่าตัด โดยผ่าตัดปลอกหุ้มเอ็นเพื่อลดการกดเบียดเส้นเอ็น ช่วยให้เส้นเอ็นเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น โดยเป็นการผ่าตัดเล็กเฉพาะที่ ที่มีขนาดเพียงประมาณ 1 เซนติเมตร ใช้เวลาไม่นาน และไม่จำเป็นต้องพักฟื้นที่โรงพยาบาล
การป้องกันที่ดีที่สุด คือ การหลีกเลี่ยงการใช้งานข้อมือที่ส่งผลต่ออาการบาดเจ็บ ทั้งการใช้งานหนัก ใช้งานซ้ำๆ ติดต่อกันเป็นเวลานาน
สำหรับผู้ที่ต้องทำงานบ้าน คุณแม่ที่ดูแลลูก หรือนักกีฬา ที่ต้องใช้ข้อมือเป็นประจำ ควรลองปรับวิธีการใช้งาน และศึกษาวิธีการออกกำลังกายอย่างถูกวิธี อย่างไรก็ตามแม้จะรักษาหายแล้วก็อาจกลับเป็นซ้ำได้อีก หากยังมีพฤติกรรมการใช้ข้อมือหนักซ้ำ ๆ
อย่างไรก็ตาม ภาวะปลอกหุ้มเอ็นข้อมืออักเสบ แม้จะไม่สามารถลุกลามไปเป็นโรคอื่นๆ ได้ แต่สร้างความเจ็บรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน หรือบางกรณีอาจสร้างปัญหากับการนอนและการทำงาน ดังนั้นหากพบอาการปวดข้อมือ อย่านิ่งนอนใจควรรีบพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกวิธี
ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลสมิติเวช