มะเร็งปากมดลูก...โรคร้ายใกล้ตัวผู้หญิง รู้เร็ว โอกาสรอดชีวิตสูง
มะเร็งปากมดลูก คร่าชีวิตผู้หญิงไทยถึง 7 คนต่อวัน และจากสถิติพบว่าหญิงไทยป่วยเป็นมะเร็งปากมดลูก เฉลี่ยปีละ 6,000 ราย
"มะเร็งปากมดลูก" โรคนี้เกิดจากเชื้อไวรัสที่ชื่อว่าเอช พี วี (human papillomavirus; HPV) ซึ่งสามารถติดต่อได้จากการมีเพศสัมพันธ์แต่สิ่งที่ทำให้โรคนี้น่ากลัวที่สุด ก็คือคุณจะไม่รู้ตัวเลยว่าคุณได้รับเชื้อ HPV เข้าไปในบริเวณปากมดลูกเรียบร้อยแล้ว เพราะในบางรายเชื้อ HPV จะใช้เวลาถึง 10 ปีในการก่อตัวเป็นมะเร็ง
สาเหตุใดบ้างที่ทำให้คุณอาจจะเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งปากมดลูก
ปัญหาโรคมะเร็งของผู้หญิงในปัจจุบัน
หญิงไทยน่าห่วง ป่วยมะเร็งปากมดลูกกว่า 8,000 คนต่อปี
1.มีเพศสัมพันธ์เมื่ออายุน้อย
2.มีคู่นอนหลายคนหรือมีเพศสัมพันธ์กับชายที่มีคู่นอนหลายคน
3.รับประทานยาคุมกำเนิดติดต่อกันเป็นเวลานาน (ถ้านานกว่า 5 ปี จะมีความเสี่ยงสูง)
4.มีจำนวนการตั้งครรภ์และการคลอดลูกมากกว่า 4 ครั้ง
5.มีประวัติการเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น ซิฟิลิส หนองใน เริม เป็นต้น
6.สูบบุหรี่
7.ขาดการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก
8.ขาดสารอาหารบางชนิด โดยฉพาะผู้หญิงที่รับประทานผักและผลไม้น้อย มีโอกาสเป็นมะเร็งชนิดพบบ่อย รวมทั้งมะเร็งปากมดลูกสูงกว่าคนที่รับประทานผักและผลไม้มาก
สัญญาณอันตรายที่คุณต้องเช็กกับร่างกายคุณเสมอ
มีเลือดออกขณะหรือภายหลังมีเพศสัมพันธ์
มีเลือดออกเพียงกะปริดกะปรอยคล้ายประจำเดือน
เลือดคล้ายประจำเดือนออกมากจนต้องเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยกว่าปกติ
มีตกขาวหรือตกเหลืองมาก กลิ่นเหมือนคาวปลา
ช่วงระยะที่มีตกขาวออกมาก บางครั้งอาจมีอาการปวดท้องน้อยร่วมด้วย
เบื่ออาหาร ซูบ ซีด ผอม และอ่อนเพลีย
แนวทางการดูแลตัวเองที่ทุกคนสามารถทำได้
ผู้หญิงกลุ่มอายุ 19-26 ปีที่ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ สามารถป้องกันตนเองจากการติดเชื้อไวรัส HPV และเพื่อป้องกันไม่ให้เซลล์ปากมดลูกเกิดความผิดปกติ จนในที่สุดเปลี่ยนเป็นเซลล์มะเร็ง ได้โดยโดยการฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก
กลุ่มอายุน้อยกว่า 30 ปี ควรเริ่มการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก หลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกภายใน 3 ปีหรือเริ่มตรวจเมื่ออายุครบ 21 ปี และควรทำการตรวจคัดกรองเป็นประจำทุกปีจนถึงอายุ 30 ปี
ผู้หญิงกลุ่มอายุมากกว่า 30 ปี ควรตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยวิธีการต่อไปนี้
1.การตรวจทางเซลล์วิทยา (Pap Test) เพียงอย่างเดียว ถ้าได้รับผลการตรวจคัดกรองทุกปี เป็นปกติ ติดต่อกัน 3 ปี หรือมากกว่าสามารถเว้นระยะการตรวจคัดกรอง เป็นทุกๆ 2-3 ปีได้
2.การตรวจทางเซลล์วิทยา (Pap Test) ร่วมกับการตรวจหาเซลล์ผิดปกติ ตรวจหาไวรัสเอชพีวี (HPV DNA Test) ถ้าผลการตรวจคัดกรองปกติทั้งสองอย่างสามารถรับการตรวจทุกๆ 3 ปีได้ แต่หากพบความผิดปกติอย่างใดอย่างหนึ่งจำเป็นต้องได้รับการตรวจเพิ่มเติมตามคำแนะนำของแพทย์เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมต่อไป
3.ลิควิ-เพร็พ เป็นเทคโนโลยีใหม่ ซึ่งเป็นการปรับปรุงในการทำ PAP Smear จากวิธีการเดิมในการตรวจคัดกรองหาเซลล์มะเร็งปากมดลูก
4.การส่องกล้องตรวจความผิดปกติของปากมดลูก เรียกว่า โคลโปสโคปี้ (colposcopy) เมื่อมีผลตรวจแปปสเมียร์ผิดปกติ
แม้ว่าการรักษาในปัจจุบัน จะสามารถรักษาให้หายขาดได้หากมะเร็งอยู่ในระยะก่อนลุกลาม แต่หากเมื่อมะเร็งได้ลุกลามแล้ว คุณจำเป็นต้องตัดมดลูก หรือ ทำการฉายแสง หรือ เคมีบำบัด ซึ่งเป็นวิธีการรักษาที่ทราบกันดีถึงความทรมานของผลกระทบข้างเคียง ดังนั้นการระมัดระวังและรู้ทันโรคจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการช่วยรักษาชีวิตของคุณให้อยู่ยืนยาวขึ้น
ขอขอบคุณข้อมูลสุขภาพจาก : โรงพยาบาลกรุงเทพ