แพทย์เผย 5 ความเชื่อโรคไต ที่คุณอาจเข้าใจผิดมาตลอด รู้ทันอาการผิดปกติ
โรคไตเป็นโรคซับซ้อนที่มักถูกเข้าใจผิด ความเชื่อผิด ๆ อาจทำให้ดูแลตัวเองไม่ถูกต้อง ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อข้อมูลและการดูแลที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล
“โรคไต” ถือเป็นหนึ่งในโรคที่มีความซับซ้อน และมักถูกเข้าใจผิดอยู่บ่อยครั้ง หลายคนอาจได้รับข้อมูลจากการบอกต่อหรือจากแหล่งที่ไม่ได้อ้างอิงทางการแพทย์ที่ถูกต้อง ส่งผลให้เกิดความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับการทำงานของไต การรักษา รวมถึงการใช้ชีวิตประจำวันเมื่อเป็นโรคไต ซึ่งหากไม่เข้าใจอย่างถูกต้อง อาจทำให้ละเลยการดูแลสุขภาพหรือปฏิบัติตัวไม่เหมาะสมได้
5 ความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับโรคไต
ความเชื่อที่ 1 การทำงานของไตที่ลดลง หมายถึงไตเสื่อมเพียงข้างเดียว
ข้อเท็จจริง : การตรวจค่าไตที่แพทย์มักใช้คือการวัดระดับ creatinine เพื่อคำนวณค่า eGFR (estimated Glomerular Filtration Rate) ซึ่งเป็นค่าประเมินการทำงานรวมของไตทั้งสองข้าง ไม่ได้บอกการทำงานของไตเพียงข้างเดียว หากต้องการวัดแยกข้าง เช่น ก่อนการบริจาคไต หรือมีโรคที่กระทบกับไตเพียงข้างเดียว เช่น ก้อนหรือภาวะไตบวมน้ำ แพทย์จะใช้การตรวจ Renal scan เพื่อประเมินโดยเฉพาะ
ความเชื่อที่ 2 ผู้ป่วยโรคไตต้องฟอกไตทุกคน
ข้อเท็จจริง : โรคไตเรื้อรังแบ่งออกเป็น 5 ระยะ โดยในระยะที่ 5 (ค่า eGFR < 15) จึงจะเป็นกลุ่มที่ต้องพิจารณาการฟอกไต แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนต้องฟอกทันที การตัดสินใจขึ้นกับอาการ เช่น การขับของเสียไม่เพียงพอ ภาวะยูรีเมีย หรือการรักษาอื่น ๆ แล้วไม่ดีขึ้น ผู้ป่วยสามารถปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินความเสี่ยง หรือใช้ Kidney Failure Risk Calculator (www.kidneyfailurerisk.com) โดยใส่ข้อมูล อายุ เพศ เชื้อชาติ ค่า eGFR และค่า Microalbumin/Creatinine Ratio เพื่อช่วยคาดการณ์ความเสี่ยงได้
ความเชื่อที่ 3 : เมื่อต้องฟอกไตแล้ว ไม่จำเป็นต้องควบคุมอาหาร
ข้อเท็จจริง : การฟอกไตทางหลอดเลือดทำเพียง 2–3 ครั้ง/สัปดาห์ ครั้งละประมาณ 4 ชั่วโมง ซึ่งไม่เพียงพอต่อการกำจัดของเสียทั้งหมด ผู้ป่วยยังคงต้องควบคุมอาหาร เช่น
- ลดโซเดียม (อาหารเค็มจัด)
- หลีกเลี่ยงอาหารโพแทสเซียมสูง
- จำกัดปริมาณน้ำ หากปัสสาวะออกน้อย
นอกจากนี้ควรได้รับโปรตีนคุณภาพดี เช่น เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน เนื่องจากการฟอกไตทำให้สูญเสียโปรตีนและมวลกล้ามเนื้อได้ ผู้ป่วยควรปรึกษาแพทย์หรือโภชนากรเป็นประจำ เพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมกับตนเอง
ความเชื่อที่ 4 : ปวดหลัง = เป็นโรคไต
ข้อเท็จจริง : อาการปวดหลังไม่ได้เกิดจากโรคไตเสมอไป สาเหตุอาจมาจาก กล้ามเนื้อและกระดูก, โรคทางเดินอาหาร, ตับอ่อน หรือแม้แต่ หลอดเลือดบางชนิด หากปวดหลังจากไตมักพบร่วมกับ ปัสสาวะผิดปกติ หรือ ปวดร้าวลงขาหนีบ ดังนั้นการตรวจโดยแพทย์อายุรกรรมโรคไตจะช่วยวินิจฉัยได้อย่างถูกต้อง
ความเชื่อที่ 5 : การรับประทานยาหลายชนิดทำให้ไตเสื่อม
ข้อเท็จจริง : ยาบางชนิดต้องระวังจริง เช่น ยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs และ ยาปฏิชีวนะบางชนิด แต่ ยาประจำตัว เช่น ยาลดความดัน ยาลดไขมัน หรือยาลดน้ำตาลในเลือด หากใช้ถูกต้อง และตรวจติดตามการทำงานของไตอย่างสม่ำเสมอ จะไม่ทำให้ไตเสื่อม อีกทั้งยังช่วยควบคุมโรคเรื้อรังที่เป็นสาเหตุของโรคไตในอนาคตได้
โรคไตเป็นโรคที่ซับซ้อนต้องอาศัยการวินิจฉัย และดูแลจากแพทย์อย่างใกล้ชิด ความเชื่อผิด ๆ อาจทำให้ผู้ป่วยตัดสินใจผิดพลาด หรือดูแลตัวเองไม่ถูกต้อง การเข้าใจข้อเท็จจริงจึงเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำงานของไต การฟอกไต การควบคุมอาหาร อาการปวดหลัง หรือการใช้ยา หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับสุขภาพไต ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านไตโดยตรง เพื่อได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง และเหมาะสมกับสภาวะสุขภาพของแต่ละบุคคล
ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลพญาไท 2