“กล้วย”สารพัดประโยชน์ กินถูกวิธีได้ทั้งบำรุงผิว-ดูแลสุขภาพ
“กล้วย”เป็นผลไม้ที่ควรนำมาดูแลสุขภาพ เพราะนอกจากจะได้รับประโยชน์สูงแล้ว ยังราคาไม่แพง กินถูกวิธีได้ทั้งบำรุงผิวและดูแลสุขภาพ
การดูแลสุขภาพแบบภูมิปัญญาไทยด้วยการนำ “กล้วย” มาใช้ประโยชน์เป็นวิถีชีวิตที่มีตั้งแต่เกิดจนชรา อีกทั้งกล้วยยังมีประโยชน์เกือบทุกส่วนที่สามารถนำมาใช้ในการส่งเสริมสุขภาพ ป้องกัน รักษา และฟื้นฟูร่างกาย ตามหลักการแพทย์แผนไทยได้ด้วย
“กล้วย” อุดมไปด้วยสารสำคัญหลายชนิด ทั้งโพแทสเซียม มีไฟเบอร์สูง และมีกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกาย ฯลฯ โดย นพ.ขวัญชัย วิศิษฐานนท์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก บอกว่า กล้วยสามารถนำมาใช้ทางสาธารณสุข ทำให้เกิดประโยชน์ 4 ด้าน ดังนี้
แนะอาหารสมอง...ต้องเลือกให้เป็นป้องกันการเสื่อมได้
บอกลา “ไมเกรน” หาสาเหตุให้เจอ จะได้รักษาได้ถูกวิธี
กล้วยกับการส่งเสริมสุขภาพ
- ผลกล้วย ช่วยลดริ้วรอยและความเสื่อมของเซลล์ เพราะมีสารเบต้าแคโรทีน วิถีภูมิปัญญาจึงนำกล้วยสุก 1 ผลมาบดผสมน้ำผึ้งพอกหน้า 15 นาที แล้วล้างออก เพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ผิวจะเนียนนุ่ม แต่ต้องระวังไม่ให้เข้าตา
- เปลือกกล้วย ช่วยแก้ปัญหา ข้อศอกด้าน ข้อเข่าด้าน วิธีการทำ คือ หลังจากอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายแล้ว ให้นำเปลือกกล้วยโดยนำด้านในของเปลือกกล้วยมาขัดถูและพอกบริเวณข้อศอกหรือข้อเข่า ทิ้งไว้ 10 -15 นาที แล้วล้างออก เนื่องจากเปลือกกล้วยมีสารลูทีน (Lutein) วิตามิน A และ E จะช่วยผลัดเซลล์ผิวและช่วยให้ผิวพรรณนุ่มชุ่มชื้น
กล้วยกับการป้องกันโรค
- ผลกล้วย ช่วยปรับสมดุลร่างกาย คลายความเครียด เพราะมีสารทริปโตเฟน (Tryptophan) ซึ่งเป็นสารตั้งต้นฮอร์โมนเซโรโทนินที่ช่วยให้เกิดความสุขและอารมณ์ดี นอกจากนี้กากใยของกล้วยช่วยทำให้ขับถ่ายง่าย จึงควรกินกล้วยสุกวันละ 1 ผล ทุกเช้า
กล้วยกับการรักษาโรค
ผลของกล้วย ทั้งผลสุกและดิบ มีสรรพคุณตามรสของตัวยาอยู่ 2 อย่างหลัก ๆ คือ
- 1. ผลกล้วยน้ำว้าดิบหรือห่าม จะมีรสฝาด ซึ่งจะช่วยบรรเทาอาการท้องเสียชนิดที่ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อหรือท้องเสียที่เกิดจากธาตุในร่างกายไม่สมดุล เช่น การรับประทานอาหารรสเปรี้ยวในปริมาณที่มากหรือการรับประทานอาหารที่ระบบทางเดินอาหารไม่คุ้นชินแล้วทำให้มีอาการท้องเสีย กรณีนี้จะสามารถใช้ กล้วยน้ำว้าดิบ หรือห่ามบรรเทาอาการได้ เนื่องจากสารแทนนินในกล้วยน้ำว้าดิบหรือห่าม มีสรรพคุณช่วยลดการหดเกร็งและลดการเคลื่อนไหวของลำไส้ จะช่วยบรรเทาอาการท้องเสียได้
สำหรับวิธีรับประทาน ให้ทานครั้งละ ½ – 1 ผล หรือฝานเป็นแว่น ๆ ตากแดดให้แห้ง รับประทานครั้งละ 10 กรัม ชงในน้ำร้อนหรือน้ำอุ่น 120 – 200 มิลลิลิตร วันละ 3 ครั้ง ก่อนอาหาร หรือเมื่อมีอาการ
- 2. ผลกล้วยน้ำว้าสุก มีรสหวาน มีฤทธิ์เป็นยาระบาย ช่วยบรรเทาอาการท้องผูก เนื่องจากกล้วยน้ำว้าสุกอุดมไปด้วยกากใยอาหาร ซึ่งมีส่วนช่วยในการกระตุ้นการทำงานของระบบขับถ่ายให้เป็นปกติ จึงสามารถช่วยระบายท้อง และช่วยป้องกันโรคริดสีดวงทวารได้
สำหรับวิธีรับประทาน ให้ทานครั้งละ 1-2 ผล แล้วดื่มน้ำตามมาก ๆ
กล้วยกับการฟื้นฟูสุขภาพ
- หัวปลีของกล้วย ช่วยในการบำรุงโลหิตในคุณแม่หลังคลอด เพราะมีสารอาหารที่สำคัญได้แก่ แคลเซียม ธาตุเหล็ก ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม
- ปลีกล้วย ช่วยกระตุ้นต่อมน้ำนมให้มีการสร้างน้ำนมของคุณแม่หลังคลอด เพราะมีสารซาโปนิน (Saponins) และแทนนิน (Tannins) ที่อาจช่วยเพิ่มระดับฮอร์โมนโปรแลคตินในเลือด จึงควรนำมาปรุงเป็นเมนูอาหารให้กับคุณแม่หลังคลอด เช่น แกงเลียงหัวปลี ต้มยำหัวปลี และยำหัวปลี
- ผลกล้วย ทำให้รู้สึกอิ่มนาน เพราะมีสารซีโรโทนินที่ช่วยควบคุมความอยากอาหาร และช่วยปรับระดับน้ำตาลในเลือด จึงเหมาะกับผู้ป่วยเบาหวานและผู้มีโรคอ้วน อย่างไรก็ตามกล้วยมีคาร์โบไฮเดรตเป็นส่วนประกอบ ดังนั้นการทานกล้วยสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน ควรจำกัดปริมาณให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ โดยกล้วยหอมควรทาน 1/2 ผล และ กล้วยไข่ /กล้วยน้ำว้า 1 ลูกต่อวัน นอกจากนี้ผลของกล้วยยังช่วยให้นอนหลับสบาย เหมาะสำหรับผู้สูงอายุที่มีปัญหาเรื่องการนอนไม่หลับอีกด้วย
“กล้วย” เป็นผลไม้สารพัดประโยชน์ กินได้ทุกสัดส่วน แต่ก็ควรกินและใช้อย่างถูกวิธีเพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุด
ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลกรุงเทพ และ กรมการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก