ข่าวสุขภาพ
จุดสังเกตไฟฟ้ารั่วไหล-วิธีปฐมพยาบาลผู้ป่วยถูกไฟดูดหมดสติ-ไม่หายใจ
เผยแพร่:
เช็กจุดเสี่ยงไฟรั่วอันตรายเสี่ยงไฟดูด โดยเฉพาะอุปกรณ์อันตรายในบ้าน ที่เสี่ยงตามกาลเวลาแนะวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้น และการทำ CPR เพื่อช่วยชีวิต!
แม้จะเป็นช่วงปลายฝนต้นหนาวแต่ปริมาณของฝนและพื้นที่น้ำท่วมขังน้ำเอ่อล้นตลิ่ง ทัวประเทศก็ยังมีสูง การระมัดระวังป้องกันตัวเอง และรู้ทันจุดไฟรั่ว ลัดวงจร ไฟฟ้าช็อต ก็ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องระมัดระวัง ยิ่งถ้าเกิดนำพื้นที่มีน้ำท่วมขังซึ่งน้ำที่เป็นตัวนำกระแสไฟฟ้าน้ำได้ดีอีกด้วย
จุดเสี่ยงไฟดูดต้องระวัง!
- เสาไฟฟ้า,รั้วไฟฟ้า กรณีที่มีน้ำท่วมขังบริเวณแนวเสาไฟฟ้ารั้วไฟฟ้าควรหลีกเลี่ยงเนื่องจากอาจมีไฟฟ้ารั่วได้
สั่งตั้งกรรมการสอบแล้ว! ปมนักเรียนโดนไฟดูดดับคา รร.ตรัง
ไม่ติดใจ! พ่อแม่ “น้องวายุ” เข้าใจเป็นอุบัติเหตุไฟดูดเสียชีวิตใน รร.
![เสี่ยงไฟดูด](https://img.pptvhd36.com/health/thumbor/2024/06/24/cusArticle-ee879d2.jpg)
- กริ่งหน้าประตู แม้ว่าจะอยู่ในพื้นที่สูง ห่างไกลจากการถูกน้ำท่วมขังก็จริง หากเราใช้งานในขณะที่มือเปียกนั้น อาจโดนไฟฟ้าดูดได้เช่นกัน
- โคมไฟสนาม เป็นอีกจุดที่ควรเฝ้าระวัง เพราะกรณีที่เกิดไฟฟ้ารั่วนั้น โดยเฉพาะอุปกรณ์ที่ติดตั้งไม่ได้คุณภาพ เมื่อเข้าสู่หน้าฝนที่สนามหญ้าเปียกชื้น เกิดกระแสไฟฟ้ารั่วก็กลายเป็นพื้นที่เสี่ยงได้เช่นกัน
- เครื่องปั๊มน้ำ หากมีการใช้งานเป็นเวลานาน ประสิทธิภาพอุปกรณ์อาจมีการเสื่อมตามกาลเวลาและเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์เสี่ยงไฟรั่วได้
ช่วยเหลือผู้ประสบอันตรายจากไฟฟ้าลัดวงจร
- อย่าแตะต้องผู้ป่วยด้วยมือเปล่า ควรสังเกตบริเวณโดยรอบว่าเป็นพื้นที่เสี่ยงอันตรายหรือไม่
- หากพบต้นตอหรืออุปกรณ์ที่เกิดไฟฟ้าลัดวงจร รีบตัดกระแสไฟฟ้าโดยเร็วและหากไม่รู้วิธีตัดกระแสไฟ ควรเรียกผู้เชี่ยวชาญมาช่วย
- หาวัสดุที่ไม่เป็นตัวนำไฟฟ้า เช่น ถุงมือยาง,ผ้า,ไม้,เชือกที่ไม่เปียกน้ำ เพื่อใช้ในการสัมผัสผู้ป่วย หรือดึง ผลักผู้ป่วยในออกจากบริเวณที่มีกระแสไฟฟ้ารั่วโดยเร็ว
กรณีที่ผู้ป่วยไม่รู้สึกและไม่หายใจควรทำตามขั้นตอนดังนี้
- จับผู้ป่วยนอนราบในพื้นที่โล่ง มีอากาศถ่ายเท ปลดผ้าพันคอหรือเข็มขัดเพื่อให้ระบบหายใจทำงานได้สะดวก จากนั้นคลำบริเวณกลางหน้าอกผู้ป่วย หาส่วนที่กระดูกอกที่ต่อกับกับกระดูกซี่โครง ด้วยการใช้นิ้วสัมผัสชายซี่โครงไล่ขึ้นมา
- วางนิ้วชี้และนิ้วกลางที่กระดูกซี่โครงที่ต่อกับกระดูกอกส่วนล่าง วางสันมือทับบริเวณนั้นที่เป็นตำแหน่งในการกดนวดกระตุ้นหัวใจ
- ประสานมืออีกข้าง วางซ้อนลงหลังมือที่วางในตำแหน่งที่จะปั๊มหัวใจ เหยียดแขนให้ตั้งฉากกับหน้าอก โน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย เพื่อทิ้งน้ำหนักตัวลงขณะที่กดหน้าอกผู้ป่วย
- การในปั๊มหัวใจผู้ป่วยให้ได้จังหวะที่สม่ำเสมอให้นับจังหวะการสูบฉีดเลือดเข้าออกจากหัวใจพอเหมาะกับที่ร่างกายต้องการด้วยการนับหนึ่งแล้วกดลงไป การกดหน้าอกที่มีประสิทธิภาพควรทำดังนี้
- กดลึก 1-3 ของความหนาหน้าอก
- กดด้วยความเร็ว 100-120 ครั้ง/ นาที
- ปล่อยให้หน้าอกขายยกลับสุด
- หยุดกดหน้าอกไม่เกิน 10 วินาที
- การเป่าปากควรทำสลับกับการนวดหัวใจทุก ๆ 30 ครั้งแล้วเป่าปาก 2 ครั้ง ทำสลับกันแบบนี้ให้ครบ 5 รอบและประเมินการหายใจของผู้ป่วย หากพบผู้ป่วยยังไม่หายใจ ให้ทำการกดหน้าอกเพื่อปั๊มหัวใจต่อ หากพบว่าผู้ป่วยหายใจแล้ว ให้จัดท่านอนพักฟื้นให้ผู้ป่วย
ทั้งนี้ควรศึกษาวิธีการช่วยเหลือและหมั่นสังเกตอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในบ้านให้มีประสิทธิภาพเสมอลดความเสี่ยงการเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดได้
ข้อมูลสุขภาพจาก : โรงพยาบาลเปาโล รังสิต