รู้จัก 4 โรคประจำตัว “ทักษิณ” หลังราชทัณฑ์รับตัวเข้าเรือนจำ
หลังอดีตนายกทักษิณถูกส่งตัวเข้าเรือนจำ พบโรคประจำตัวรุมเร้า 4 โรค ประกอบด้วย ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด,ปอดอักเสบเรื้อรัง,ความดันโลหิตสูงและกระดูกสันหลังเสื่อมทับเส้นประสาท รวมอาการโรคร้ายและความเสี่ยงสุขภาพ!
จากกรณีที่ นายแพทย์วัฒน์ชัย มิ่งบรรเจิดสุข ผู้อำนวยการทัณฑสถานโรงพยาบาล แถลงถึงอาการป่วยของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีหลังจากเดินทางกลับมาถึงประเทศไทยใน วัย 74 ปี โดยอ้างว่าจากการตรวจสุขภาพพบ 4 โรคประจำตัว ทำให้นับว่าเป็นกลุ่มเปราะบางที่ต้องแยกขังเดี่ยวเพื่อรับการดูแลอย่างใกล้ชิดรักษาอย่างต่อเนื่องต้องติดตามอาการจากแพทย์เฉพาะทาง
4 โรคประจำตัวนายทักษิณประกอบด้วย
- ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด อยู่ระหว่างการติดตามและรักษาอย่างใกล้ชิด รับประทานยาละลายลิ่มเลือด
กรมคุก แยกขังเดี่ยว “ทักษิณ” ไว้แดน 7 เหตุกลุ่มเปราะบาง-มีโรคประจำตัว
“หัวใจขาดเลือด” ที่สายบ้างานต้องเช็ก 4 สัญญาณเตือนก่อนหัวใจวาย
- ปอดอักเสบเรื้อรังและภาวะพังผืดในปอดหลัง มีประวัติติดโควิด-19 ทำให้มีความผิดปกติในการแลกเปลี่ยนอ๊อกซิเจน ทำให้มีอาการเหนื่อยง่าย ที่ต้องเฝ้าระวังติดตามอาการรับการดูแลอย่างต่อเนื่อง
- ความดันโลหิตสูง อยู่ในระหว่างการควบคุมและรับประทานสูง
- ภาวะเสื่อมตามอายุ พบกระดูกสันหลังเสื่อมหลายระดับ และพบว่ามีการกดทับเส้นประสาททำให้มีอาการปวดเรื้อรังและการทรงตัวผิดปกติ
รู้จัก 4 โรคดังกล่าวให้มากขึ้น
ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
เป็นภาวะที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน กลไกการเกิดมาจากลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดหัวใจที่ตีบแคบอยู่ก่อนแล้ว อย่างไรก็ตามแม้จะไม่มีใครบอกได้ว่าหลอดเลือดจะอุดตันเมื่อใด และกล้ามเนื้อหัวใจจะขาดเลือดตอนไหน แต่เมื่อใดก็ตามที่เกิดลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดหัวใจ ผู้ป่วยมักมีอาการแน่นหน้าอกเป็นอาการเตือนที่สำคัญ
ปัจจัยที่ทำให้เกิดกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง และไขมันในเลือดสูง ซึ่งพบได้บ่อยและต้องระมัดระวังอย่า นอกจากนี้ ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ยังได้แก่ การสูบบุหรี่ และภาวะกรนรุนแรง หรือภาวะหยุดหายใจระหว่างหลับซึ่งมีหลักฐานชัดเจนแล้วว่าทำให้ผู้ป่วยขาดออกซิเจนเป็นผลให้หลอดเลือดเสื่อมเร็ว และสามารถกระตุ้นให้เกิดลิ่มเลือดอุดตันได้ง่าย
หากมีอาการดังต่อไปนี้ให้รีบพบแพทย์
- เจ็บครั้งนี้ เจ็บมากกว่าครั้งก่อนๆ
- เจ็บครั้งนี้ นานกว่า 20 นาที
- เจ็บครั้งนี้ เกิดขณะพัก
- เจ็บครั้งนี้ อมยาแล้วไม่หายเจ็บ
- เจ็บครั้งนี้ เจ็บมากจนเหงื่อออก เป็นลม หรือหายใจหอบ
ปอดอักเสบเรื้อรังจากการติดเชื้อโควิด19
ปอดอักเสบทำให้กระบวนการแลกเปลี่ยนออกซิเจนทำงานได้ไม่ดี ส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจ ทำให้หายใจอึดอัด หายใจลำบาก มีระดับความรุนแรงตั้งแต่รุนแรงน้อยไปจนถึงรุนแรงมากถึงขั้นเสียชีวิต
อาการปอดอักเสบสามารถสังเกตได้ดังนี้
- ไอ
- มีเสมหะ
- มีไข้สูง อาจตัวร้อนตลอดเวลา หนาวสั่นมาก
- หายใจลำบาก หายใจหอบเร็ว
- อาจเจ็บแปล๊บหน้าอกเวลาหายใจเข้า
- อาจไอแรงร้าวไปที่หัวไหล่หรือสีข้าง
นอกจากนี้ผู้สูงอายุยังมีภูมิต้านทานต่ำจากความเสื่อมสภาพทั่วไปของร่างกาย โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ไตวาย หัวใจ ไขมันพอกตับ ภูมิคุ้มกันบกพร่อง จึงมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดโรคแทรกซ้อนจากปอดอักเสบ เช่น ระบบทางเดินหายใจล้มเหลว หรือที่อันตรายที่สุด คือการติดเชื้อในกระแสเลือด ซึ่งเป็นสาเหตุให้เสียชีวิตได้
“ปอดอักเสบ” ภาวะแทรกซ้อนอันตรายไข้หวัดใหญ่ ป้องกันได้!
โรคความดันโลหิตสูง
โรคธรรมดาที่รุนแรงได้ ซึ่งเกิดจากการที่ความดันเลือดสูงกว่าปกติ คือมากกว่าหรือเท่ากับ 140/90 ติดต่อกันเป็นเวลานาน มักไม่แสดงอาการ แต่ส่งผลเสียต่อหลอดเลือดและหัวใจ ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงถึงชีวิต หรือพิการอาทิ โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง กล้ามเนื้อหัวใจหนา เส้นเลือดแดงใหญ่โป่งพอง ไตวาย เป็นต้น การรู้ตัวว่าความดันโลหิตสูงตั้งแต่ระยะแรกนั้นสำคัญ ช่วยให้ควบคุมระดับความดันโลหิตและลดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้
กระดูกสันหลังเสื่อมกดทับเส้นประสาท
สาเหตุของอาการปวดหลังในผู้ป่วยกระดูกสันหลังเคลื่อนมักเกิดจากความไม่มั่นคง (Instability) ของแนวกระดูกสันหลัง ซึ่งมักเริ่มจากหมอนรองกระดูกสันหลังเสื่อม ตามด้วยข้อต่อกระดูกสันหลังเสื่อม และส่งผลให้กระดูกสันหลังเกิดการ “เลื่อน” ซึ่งเมื่อกระดูกสันหลังเกิดการเลื่อนตัวออกจากกันจะทำให้เกิดการตีบแคบของโพรงเส้นประสาท และเมื่อมีการตีบแคบลงจนกระทั่งเกิดการกดทับเส้นประสาทก็จะส่งผลทำให้ผู้ป่วยมีอาการปวดร้าวลงขา ชา กล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือมีปัญหาการควบคุมระบบขับถ่ายตามมาในที่สุด
โดยทั่วไปอาการของผู้ป่วยโรคกระดูกสันหลังเคลื่อนมักประกอบไปด้วย 2 อาการหลัก ได้แก่ อาการปวดหลังและอาการปวดร้าวลงขา
อาการที่ควรพบแพทย์
- ปวดตึงกล้ามเนื้อบริเวณหลังส่วนล่าง สะโพก และต้นขาด้านหลัง
- ปวดหลังบริเวณบั้นเอวส่วนล่างเวลาก้มหรือแอ่นหลัง และอาการปวดดีขึ้นเมื่อได้นอนหรือนั่งพัก
- ถ้าอาการกระดูกสันหลังเคลื่อนเป็นมากขึ้นจนกดทับเส้นประสาท อาจทำให้มีอาการปวดร้าวลงขา ชาขาหรือชาเท้า กล้ามเนื้อขาอ่อนแรง รวมถึงมีปัญหาในการขับถ่ายอุจจาระปัสสาวะ
ทั้งนี้หากมีอาการที่กล่าวมาไม่ว่าจะเป็นโรคใดโรคหนึ่งควรพบแพทย์เพื่อวางแผนการรักษา เพราะล้วนแต่เป็นโรคที่ต้องให้ความสำคัญและไม่ควรมองข้ามเพราะนำมาซึ่งอันตรายถึงชีวิตและทุพพลภาพทั้งสิ้น
ขอบคุณข้อมูลสุขภาพจาก : โรงพยาบาลกรุงเทพ,โรงพยาบาลเปาโล
ความดันโลหิตสูง หยุดยาได้ด้วยการออกกำลังกาย
ปวดคอ-เอวเรื้อรัง! สัญญาณ “โรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท” ปล่อยไว้นานอาจต้องผ่าตัด