สธ.ชูแคมเปญ 3D “Drink Don’t Drive” ตั้งเป้าลดการสูญเสียจากอุบัติเหตุ
สธ.ประกาศนโยบาย 3 D “Drink Don’t Drive” ขับไม่ดื่ม ดื่มไม่ขับ รณรงค์ตลอดทั้งปี หลังพบสถิติ “ดื่มแล้วขับ” ก่อคดีและอุบัติเหตุสูงสุดในช่วงเทศกาล “หมอชลน่าน” มอบของขวัญแก้ง่วง 3 แสนชิ้น ส่งคนไทยกลับบ้านปลอดภัยในช่วงปีใหม่ 2567
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานแถลงข่าวเปิดตัวแคมเปญ 3 D Drink Don’t Drive ขับไม่ดื่ม ดื่มไม่ขับ จากปัญหาการบาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาล ทั้งปีใหม่ สงกรานต์ ตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมา โดยระบุว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2566 (29 ธันวาคม 2565 – 4 มกราคม 2566) ที่ผ่านมา สถิติอุบัติเหตุทางถนนในช่วง 7 วันอันตราย มีจำนวนครั้งของการเกิดอุบัติเหตุถึง 2,440 ครั้ง จำนวนผู้บาดเจ็บ 2,437 ราย และ ผู้เสียชีวิต 317 ราย
ที่น่าตกใจ คือ ในจำนวนคดีที่เกิดอุบัติเหตุมากกว่า ร้อยละ 96 หรือประมาณ 8,567 คดี เป็นคดีขับรถขณะเมาสุรา จนถึงเทศกาลสงกรานต์ของปี 2566 ในช่วง 7 วันอันตราย (11-17 เมษายน 2566) ก็เช่นเดียวกัน มีคดีขับรถขณะเมาสุรามากถึง 8,575 คดี คิดเป็นร้อยละ 96.69 ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงและอันตรายมาก
ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 3 ปีที่ผ่านมา (2564-2566) มีผู้บาดเจ็บเข้าโรงพยาบาล เฉลี่ยปีละ 25,799 ราย เฉลี่ยวันละ 3,685 ราย และคาดการณ์ว่าปีใหม่ปีนี้จะมีการเดินทางท่องเที่ยวมากขึ้น โอกาสเกิดอุบัติเหตุก็เพิ่มมากขึ้นด้วย ดังนั้นในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567 ต่อเนื่องไปตลอดทั้งปีนับจากนี้ รัฐบาลโดยกระทรวงสาธารณสุข ได้มีนโยบายรณรงค์ลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุจากการดื่มสุราหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แล้วขับขี่ยานพาหนะต่างๆ ลงให้ได้มากที่สุด เพื่อลดความสูญเสียบนท้องถนน โดยกำหนดแคมเปญ 3 D คือ “Drink Don’t Drive” ขับไม่ดื่ม ดื่มไม่ขับ ร่วมกับทุกภาคส่วนในการแก้ไขปัญหาต่างๆ เช่น พฤติกรรมของผู้ขับขี่เป็นสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุที่ป้องกันได้ อาทิ การขับรถด้วยความเร็วไม่เหมาะสม การไม่ใช้อุปกรณ์นิรภัย ทั้งหมวกนิรภัย หรือเข็มขัดนิรภัย เป็นต้น และเพื่อให้บุคลากรทางการแพทย์ได้รักษาผู้ป่วยวิกฤตฉุกเฉินได้อย่างเต็มที่ ขอให้ประชาชนร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการลดอุบัติเหตุตามนโยบาย “ขับไม่ดื่ม ดื่มไม่ขับ” ไปด้วยกัน
การดื่มแล้วขับเป็นปัญหาในทุกเทศกาล ในปีนี้จึงเน้นย้ำให้คณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จังหวัด ทำงานเชิงรุก โดยช่วงก่อนเทศกาลให้มีการออกตรวจเตือนและประชาสัมพันธ์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลให้บังคับใช้กฎหมายทั่วประเทศอย่างจริงจัง หากพบว่ามีการกระทำที่ผิดกฎหมาย เช่น การจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี, ขายสุราในสถานที่และเวลาห้ามขาย ได้สั่งการให้กรมควบคุมโรค ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 ประสานความร่วมมือและลงโทษผู้กระทำผิดอย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ยังมอบหมายให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และ อสม. ร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ ตั้งด่านชุมชน ด่านครอบครัว ร่วมกันสกัดกั้นกลุ่มเสี่ยงอุบัติเหตุ ประเมินสภาวะมึนเมา หากพบว่ามีการดื่ม หรือมีอาการมึนเมา ให้พักคอยจนกว่าจะอยู่ในสภาวะปกติก่อน เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดอุบัติเหตุ
กระทรวงสาธารณสุขมีความห่วงใยประชาชนที่จะเดินทางกลับภูมิลำเนาหรือเดินทางท่องเที่ยวให้มีความปลอดภัย ปลอดจากอุบัติเหตุ จึงขอความร่วมมือทุกคน งดเว้นการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แล้วขับขี่โดยเด็ดขาด และในปีนี้ยังได้เตรียมถุงของขวัญที่บรรจุ ยาอม ยาดม ยาหม่อง ที่จะช่วยแก้อาการง่วงนอนในขณะขับรถ จำนวน 3 แสนชิ้น เพื่อมอบให้กับผู้เดินทาง เช่นเดียวกับหน่วยงานอื่นๆ ที่มีบริการน้ำดื่ม ผ้าเย็น ฯลฯ บริเวณด่านตรวจคัดกรองการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตลอดเส้นทางทั่วประเทศ เพื่อให้ทุกคนได้กลับบ้านสู่อ้อมกอดของครอบครัวอย่างปลอดภัย
โดยในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567 กระทรวงสาธารณสุข ได้สั่งการให้หน่วยงานและโรงพยาบาลในสังกัดเตรียมความพร้อม สนับสนุนการทำงานของศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน โดยได้เปิดศูนย์ปฏิบัติการด้านการแพทย์และสาธารณสุข (Emergency Operation Center : EOC) ทั้งในส่วนกลางและจังหวัด เป็นศูนย์ประสานและสนับสนุนการทำงานตลอด 24 ชั่วโมง ให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดและโรงพยาบาล สนับสนุนการทำงานของชุดปฏิบัติการฉุกเฉินเบื้องต้นของ อปท. ฝึกทักษะการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บและผู้ป่วยฉุกเฉิน เตรียมความพร้อมศูนย์รับแจ้งเหตุและสั่งการ ทีมปฏิบัติการฉุกเฉิน (EMS) ของโรงพยาบาลและเครือข่ายภาครัฐและเอกชนทุกระดับ รวมทั้งหน่วยปฏิบัติการทางอากาศและทางเรือ นอกจากนี้ ยังให้มีการจัดหน่วยกู้ชีพระดับพื้นฐาน (Basic Life Support : BLS) และหน่วยปฏิบัติการระดับสูง (Advanced Life Support : ALS) ประจำบนเส้นทางถนนสายหลักที่มีจุดตรวจ/ จุดบริการอยู่ห่างกันมาก เพื่อให้การดูแลรักษาพยาบาลอย่างรวดเร็ว และในกรณีบาดเจ็บ/เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต สามารถรับบริการที่โรงพยาบาลใกล้ที่สุด โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายภายใน 72 ชั่วโมงแรก ตามนโยบายเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต มีสิทธิทุกที่” (Universal Coverage for Emergency Patients : UCEP)
นอกจากนี้เครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับทั่วประเทศ ยื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการจังหวัด ขอให้มีมาตรการสำคัญช่วงเทศกาลปีใหม่
- ตรวจแอลกอฮอล์ในอุบัติเหตุที่เกิดทุกครั้ง
- ห้ามขายแอลกอฮอล์ให้กับเด็กและเยาวชน และไม่อนุญาตให้เด็ก และเยาวชนใช้บริการในสถานบริการ
- หากพบเด็กและเยาวชนเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับแอลกอฮอล์ ขอให้มีการติดตามไปถึงร้านค้าที่ขายแอลกอฮอล์
สสส. ผลิตสื่อรณรงค์สปอตโฆษณา 2 เรื่อง และหนังออนไลน์ 1 เรื่อง ภายใต้แคมเปญ “ดื่มไม่ขับ: ดื่มเหล้า เมาถึงสมอง” เรื่องที่ 1 “สมองช้า” แอลกอฮอล์ส่งผลต่อสมอง ตอบสนองช้าลง สปอตเรื่องที่ 2 กะระยะง่ายๆ พลาด ที่สื่อสารว่าแอลกอฮอล์ ส่งผลต่อสมอง ทำให้กะระยะในการขับขี่ผิดพลาด และหนังออนไลน์ 1 เรื่อง ชื่อเรื่อง The Loop หากยังไม่หยุดพฤติกรรมเช่นนี้อาจมีจุดจบเหมือนในหนังโฆษณา ขอฝากไปยังประชาชนที่จะเดินทางในช่วงปีใหม่ ดื่มไม่ขับ ก่อนออกเดินทางควรพักผ่อนให้เพียงพอ สวมหมวกนิรภัยทุกครั้ง ท่องเที่ยวในช่วงเทศกาล ปีใหม่นี้อย่างมีความสุข และปลอดภัย”