สธ.ไม่ทิ้งปัญหาฝุ่นภาคเหนือ วาง 3 แนวทางแก้ไข เตรียมพร้อมรับมือผู้ป่วย

ในการรักษาพยาบาล ได้จัดบริการคลินิกมลพิษกระจายอยู่ทั่วประเทศ จำนวน 90 แห่ง เพื่อให้คำแนะนำและรักษาพยาบาลผู้ป่วย และมีการจัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ให้การดูแลเชิงรุก มีระบบ telemedicine หรือ สายด่วนให้คำปรึกษาแนะนำ รวมทั้งเปิดศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข เมื่อปริมาณฝุ่นเกินค่ามาตรฐาน เพื่อติดตาม เฝ้าระวัง และให้การดูแลประชาชนได้ทันเวลาเมื่อสถานการณ์ฝุ่นมีความรุนแรงมากขึ้น

สภาพอากาศภาคเหนือ ค่าฝุ่น PM2.5 ยังคงพุ่งเกินมาตรฐานต่อเนื่องหลายจังหวัด ประกอบกับสถิติผู้ป่วยจากปัญหามลพิษของคนไทยก็พุ่งสูงขึ้นด้วย โดยเมื่อปี 2566 พบผู้ป่วยมากถึง 10 ล้านคน

เนื่องจากปัญหาเรื่องนี้มีผลกระทบต่อสุขภาพ หนึ่งในภารกิจของ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (รมว.สธ.) ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจรและการลงพื้นที่ตรวจราชการของนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี ใน 7 จังหวัดภาคเหนือตอนบน จึงมีการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลใน 7 จังหวัดภาคเหนือตอนบนด้วย

นอกจากนี้ ยังเปิดโครงการ อสม.ไรเดอร์ หรือ Health Rider บริการส่งยาให้ผู้ป่วยที่บ้าน ภายใต้แนวความคิด “1 province 1 Hospital”  ให้เป็นนวัตกรรมหนุนเสริมโครงการ “30 บาทรักษาทุกที่” ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว  

โดยภายหลังการเปิดโครงการ Health  Rider นพ.ชลน่าน ได้กล่าวถึงแนวทางแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่ภาคเหนือว่า ปัญหาฝุ่น PM 2.5 เป็นปัญหาระยะยาว โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือ เพราะ ภาคเหนือ เป็นพื้นที่ที่เกิดการเผาไหม้มากที่สุด อีกทั้งยังมีเรื่องปัญหามลพิษทางอากาศข้ามแดนจากการเผาไหม้ระหว่างไทย – เมียนมาเข้ามาสมทบ

เบื้องต้นทางกระทรวงสาธารณสุขได้เตรียมแผนแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่ภาคเหนือ ไว้ 3 ระดับด้วยกัน แบ่งออกเป็น

1. จำกัดการเผาไหม้ป่า และ การเผาไหม้ทางการเกษตร
2. เจรจาระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน ( ไทย - เมียนมา ) เพื่อหาแนวทางร่วมกันลดปัญหามลพิษทางอากาศข้ามแดน
3. จัดบริการด้านการแพทย์และสาธารณสุข เช่น จัดทำห้องปลอดฝุ่นในโรงพยาบาล 30 จังหวัดที่เสี่ยงสูง หรือ แจกหน้ากากอนามัยในพื้นที่เสี่ยงค่าฝุ่นสูงเกินมาตรฐาน

ส่วนแผนการรับมืออาการเจ็บป่วย หรือผลข้างเคียงทางกระทรวงสาธารณสุข นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ในการรักษาพยาบาล ได้จัดบริการคลินิกมลพิษกระจายอยู่ทั่วประเทศ จำนวน 90 แห่ง เพื่อให้คำแนะนำและรักษาพยาบาลผู้ป่วย และมีการจัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ให้การดูแลเชิงรุก มีระบบ telemedicine หรือ สายด่วนให้คำปรึกษาแนะนำ รวมทั้งเปิดศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข เมื่อปริมาณฝุ่นเกินค่ามาตรฐาน เพื่อติดตาม เฝ้าระวัง และให้การดูแลประชาชนได้ทันเวลาเมื่อสถานการณ์ฝุ่นมีความรุนแรงมากขึ้น