สปสช. ปรับ ‘ประกาศบริหารกองทุนบัตรทอง’ รองรับ 30 บาทรักษาทุกที่ฯ
บอร์ด สปสช. เห็นชอบ ประกาศบริหารองทุนบัตรทอง ปี 2567 ปรับ 3 ประเด็นรองรับนโยบายรัฐบาล ‘30 บาทรักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว’
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (รมว.สธ.) ในฐานประธานคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) เปิดเผยว่า ในการประชุมบอร์ด สปสช. เมื่อวันพุธที่ 15 พ.ค. ที่ผ่านมา ได้มีการพิจารณาและเห็นชอบ “(ร่าง) ประกาศหลักเกณฑ์การดำเนินงานและการบริหารจัดการกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปีงบประมาณ 2567”
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ในเรื่องดังกล่าวมีการพิจารณาไปแล้วรอบหนึ่ง ซึ่งในการนำมาพิจารณาอีกครั้งในรอบนี้นั้น
เริ่มแล้ว! เพิ่ม 33 จังหวัด รักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว เฟส 3
เช็ก 45 จังหวัด สิทธิบัตรทอง 30 บาท รักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
เนื่องจากภายหลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีการเห็นชอบงบประมาณ ปี 2567 ราว 2.17 แสนล้านบาท ให้กับ สปสช. หลังจากนั้น สปสช. มีการจัดการประชุมรับฟังความคิดเห็นเพื่อประกอบการจัดทำข้อเสนอแนวทางการบริหารกองทุนปี 2567 และได้มีข้อเสนอจากผู้ให้บริการบางส่วน ที่สะท้อนมาใน 3 ประเด็นใหญ่ๆ
ประกอบด้วย
- การจ่ายค่าบริการผู้ป่วยใน (IP) ในกรณีที่งบประมาณไม่เพียงพอที่จะจ่ายในอัตราเบื้องต้น 8,350 บาท ให้มีการใช้งบประมาณในแหล่งอื่นๆ เช่น เงินเหลือจ่ายในปี 2567 กรณีเงินเหลือจ่ายไม่เพียงพอใช้เงินจากรายได้สูง (ต่ำ) กว่าค่าใช้จ่ายสะสม หรือให้ขอรับงบประมาณเพิ่มเติมในปีถัดไป และหากดำเนินการดังกล่าวแล้วยังมีเงินไม่เพียงพอให้ยกยอดผลงานบริหารไปใช้ค่าใช้จ่ายจาก Global budget ระดับเขตของแต่ละเขตในปีถัดไป
- การเพิ่มสิทธิประโยชน์ต่างๆ ควรมีงบประมาณรองรับในทุกรายการ
- การปรับอัตราและรายการบริการ ควรทำในระยะเวลาก่อนบังคับใช้ไม่น้อยกว่า 3 เดือน รวมถึงให้มีการจัดการประชุมรับฟังความเห็นอย่างรอบด้านก่อนการประกาศใช้ ตลอดจนการแจ้งอัตราค่าบริการใหม่ให้กับหน่วยบริการทราบล่วงหน้า เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม
สปสช. อนุมัติ 2.8 พันล้าน รองรับ 30 บาทรักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว เฟส 3
โดยสรุปแล้วประเด็นที่มีการปรับปรุงในร่างประกาศหลักเกณฑ์การดำเนินงานและการบริหารกองทุนฯ ฉบับนี้มี 3 ประเด็น คือ
- บริการผู้ป่วยนอก มีงบประมาณสำหรับรองรับกรณีการดำเนินตามนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว ในหน่วยบริการอื่น นอกเครือข่ายบริการประจำหรือปฐมภูมิ และหน่วยบริการนวัตกรรม ทั้ง 7 หน่วย ได้แก่ คลินิกพยาบาล คลินิกเทคนิคการแพทย์ ร้านยา คลินิกกายภาพบำบัด คลินิกแพทย์แผนไทย คลินิกเวชกรรม และคลินิกเวชกรรม
- บริการสาธารณสุขร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) โดยมีการปรับการจ่ายตามแผนงานโครงการ ซึ่งจากเดิมเป็นการจ่ายตามแผนงานประจำปีอย่างเดียว
- บริการสำหรับผู้มีภาวะพึ่งพิง สปสช. จะมีการปรับการจ่ายให้กับหน่วยบริการที่เป็นสถานชีวาภิบาล เพื่อเตรียมการรองรับนโยบายรัฐบาล
ในการบังคับใช้ประกาศบริหารกองทุนฯ ฉบับนี้ จะให้มีผลย้อนหลังไปถึงวันที่ 1 ต.ค. 2566 อย่างไรก็ดี ในบริการต่างๆ ที่เป็นสิทธิประโยชน์ใหม่ หรือระบบบริหารจัดการข้อมูลเพื่อรองรับ จะเป็นการให้ใช้ได้ตามมติบอร์ด สปสช.
สปสช.เคาะหลักเกณฑ์เบิกจ่ายผู้ป่วยนอกใน กทม.
เช็กสิทธิ!บัตรประชาชนใบเดียวรักษาทุกที่ ใช้กับบริการเอกชนที่ไหนได้บ้าง?