สาวรักษาซึมเศร้า แพ้ยาเกือบตาย-แผลไหม้ทั้งตัว คาใจไม่มีเตือนก่อนจ่ายยา
สาววัย 22 ร้องขอความเป็นธรรม หลังเข้ารับการรักษาโรคซึมเศร้าที่คลินิกจิตเวชแห่งหนึ่ง เกิดอาการแพ้ยาอย่างหนัก เกิดแผลไฟไหม้ทั้งตัว หมดค่ารักษาเกือบ 2 ล้านบาทรักษาตัวจนดีขึ้น คลินิกส่งมอบกระเช้า พูดเชิงประชด “หวังว่าจะไม่แพ้ของในกระเช้าอีกนะ”
สาววัย 22 ปี ออกมาร้องขอความเป็นธรรม หลังเข้ารับการรักษาอาการป่วยกับคลินิกแห่งหนึ่ง แต่หมอสั่งจ่ายยาตัวใหม่ให้ เพิ่งมารู้ทีหลังวาเป็นยาที่จัดอยู่ในลิสต์ที่ต้องระวัง ทำให้เธอเกิดอาการแพ้อย่างรุนแรงจนเกือบเสียชีวิต สุดท้ายหมดไปเกือบ 2 ล้านบาทรักษาตัวจนดีขึ้น ครอบครัวกลับไปถามหาความเยียวยาจากคุณหมอ แต่หมอกลับพูดจาถากถางส่งมอบกระเช้าให้ พร้อมกับคำพูดว่า “หวังว่าคงไม่แพ้อีกนะ”
ผู้เสียหายเล่าว่า ช่วงที่รักษาอาการ หมอบอกว่าเธอมีโอกาสเสียชีวิตได้ทุกเมื่อ
ผลสำรวจเยาวชนใน กทม. มีเครียดสูงเสี่ยงซึมเศร้าแนะสิทธิให้คำปรึกษาฟรี!
เช็กสัญญาณ“ซึมเศร้า” ข้อแนะนำใช้ยาต้านเศร้าและอาการจิตเวชที่คล้ายคลึง

จากการติดเชื้อ หรือไม่ก็ทนพิษบาดแผลไม่ไหวจนช่วงที่เธออาการวิกฤติหมอต้องใช้วิธีพาเข้าผ่าตัดรมยาสลบ ระหว่างการทำแผล เธอบอกว่าตอนนั้นเธอเจ็บปวดทรมานมากจนคิดว่าการตายอาจจะดีกว่ามีชิวิตอยู่ก็ได้
ทางผู้เสียหายได้เล่า จุดเริ่มต้นของการแพ้ยา ว่าเธอมีอาการป่วยเป็นโรคซึมเศร้า รับประทานยามาสักระยะหนึ่งแล้ว แต่ช่วงปลายเดือนธันวาคมเธอย้ายหอพัก และเห็นมีคลินิกจิตเวชอยู่ใกล้ และมีจิตแพทย์น่าเชื่อถือจึงเข้ารับการรักษาที่นั่น
- ครั้งแรก หมอจ่ายยาตามปกติ
- ครั้งที่ 2 หมอวินิจฉัยมีอาการไบโพลา “จ่ายยาตัวใหม่ให้เพิ่ม” ตัวยาขนาด 25 มิลิกรัม
- ครั้งที่ 3 – หมอจ่ายยาตัวใหม่ขนาด 25 มิลลิกรัม ให้ทานอีก 7 วัน และเพิ่มขนาด 50 มิลลิกรัม ให้ทานต่อหลังจากนั้น
แต่เมื่อเธอทานยาขนาด 50 มิลกรัมไปได้พียงประมาน 2-3 เม็ด ก็เกิดอาการแพ้อย่างรุนแรงทันที ต้องเปลี่ยนการรักษาถึง 3 โรงพยาบาล
- โรงพยาบาล 1 – รักษาได้ 3 วัน หมอให้เปลี่ยน รพ. ไปที่ที่มีห้องปลอดเชื้อขนาดใหญ่
- โรงพยาบาล 2 – เป็นโรงพยาบาลเอกชน รักษาจนผ่านพ้นอาการโคม่าได้ราว 10 วัน ค่ารักษาพุ่งไปกว่า 1.2 ล้านบาท
- โรงพยาบาล 3 – รักษาตัวต่อจนกลับบ้านได้
ความน่าสนใจคือ ระหว่างที่เธอเข้ารับการรักษาตัวกับโรงพยาบาล มีคุณหมอจิตแพทย์มาดูอาการและมาดูตัวยาที่ผู้เสียหายทาน หมอบอกว่าโอกาสที่ผู้เสียหายจะแพ้ยาตัวใหม่ที่คลินิกสั่งจ่ายให้สูงมาก เพราะเป็นยาอันตราย ที่ต้องจ่ายอย่างระมัดระวัง มีคนแพ้ยาตัวนี้เยอะมาก ซึ่งผู้เสียหายยืนยันว่าแพทย์ที่จ่ายยาให้เธอ ไม่เคยบอกว่ายาตัวนี้ต้องระวังเป็นพิเศษ แม้แต่หน้าซองยาก็ไม่มีคำเตือนเลยสักนิด
ผู้เสียหายยังบอกด้วยว่า เธอลองไปถามกับกลุ่มผู้ป่วยโรคซึมเศร้าที่เคยรับยาตัวนี้ บางคนบอกว่าเป็นยาแรงมาก มีอาการแพ้เหมือนกัน บางคนหมอต้องขอเจาะเลือดก่อนจ่ายยา ขณะที่บางคนหมอต้องใช้เวลาปรับขนาดยานานมาก ซึ่งเธอบอกว่าไม่ได้รับคำเตือนใดๆทั้งสิ้น
หลังจากการรักษาตัว ครอบครัวจึงตัดสินใจเดินทางไปหาจิตแพทย์ที่คลินิกอีกครั้งเพื่อจะหารือว่าจะช่วยเยียวยาอย่างไรได้บ้าง ซึ่งในมุมผู้เสียหาย ยืนยันว่าไม่ได้โทษว่าหมอตั้งใจจ่ายยาให้จนเธอแพ้ยา แต่มองว่าในเมื่อเธอเองก็ไม่รู้ หมอเองก็ไม่รู้ ดังนั้นพอจะช่วยเหลือเยียวยากันได้ไหม เพราะเธอทั้งเกือบตายและหมดค่ารักษาไปเกือบ 2 ล้านบาท
ทางครอบครัวไม่ได้รับคำตอบ ทางคลินิกขอเวลาคิดก่อน แต่หลังจากนั้นอีก 2 วัน ทางคลินิกโทรมาขอให้ไปพบและเจรจา คุณแม่ของผู้เสียหายบอกว่าคราวนี้ทางคลินิกพูดจาไม่ดี คล้ายกับดูถูก พร้อมกับบอกว่าจะเยียวยาให้แค่ 20,000 บาท พร้อมกับบอกว่าหมอก็ทำตามมาตรฐานและไม่ได้ทิ้งขว้างผู้ป่วย ทางครอบครัวจึงถามกลับว่าแล้วทำไมช่วงที่ป่วยโคม่าอยู่ หมอถึงไม่เคยติดต่อมาดูแลเลย ทางคลินิกจึงต่อรองเพิ่มให้ 50,000 บาทถือว่าสุดแล้ว ครอบครัวจึงตัดสินใจไม่รับเงิน สุดท้ายทางคลินิกบอกว่ามีกระเช้าจะมอบให้ แต่ขณะส่งมอบหมอคนหนึ่งกลับพูดเชิงประชดประชันขึ้นมาว่า “หวังว่าจะไม่แพ้ของในกระเช้าอีกนะ”
ล่าสุดครอบครัวได้ยื่นคำร้องไปถึง สสจ.ปทุมธานี แล้ว ซึ่งทาง สสจ .ได้ขอประวัติการรักษาผู้เสียหายมาให้ น่าสนใจว่าในรายงานการรักษา แพทย์ประเมินว่าอาการของผู้เสียหายดีขึ้น แต่กลับจ่ายยาตัวที่แพ้เพิ่มมาให้ ซึ่งเรื่องนี้ครอบครัวก็ยังติดใจ และ ครอบครัวจะเดินทางไปที่ สสจ.อีกครั้ง