สปสช. แจงคืบหน้าแม่พาลูกตะเวนขอยาภูมิแพ้มาขายต่อ พบช่องโหว่การจ่ายยาไม่ตรงกัน
สปสช. แจงความคืบหน้าแม่พาตะเวนลูก ขอยาภูมิแพ้ และนำมาขายต่อในออนไลน์ พบ ยาถูกเบิกจากรพ.ภาคอีสานและเบิกนอกเวลาราชการ พบปี 67 มี 2 ราย เข้าข่ายต้องสงสัย ที่เบิกหลาย 100 ขวดจากหลายโรงพยาบาล สปสช. ยืนยันจะเอาผิดทางกฎหมาย โดยที่ผ่านมาเคยดำเนินคดีฐานฉ้อโกงไปแล้ว 3 ราย
จากกรณีแม่พาลูก ตระเวนขอยาภูมิแพ้ เพื่อนำไปโพสต์ขายในกลุ่ม แม่และเด็ก ออนไลน์นั้น ล่าสุดทีมข่าว PPTV ได้สอบถามความคืบหน้าไปยัง ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ระบุว่าจากการตรวจสอบกรณีที่มีการโพสต์แล้วว่า เป็นการรับยาจากโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในภาคอีสาน ซึ่งมีการจับตามาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ จนถึงเดือนพฤษจิกายน พบว่า มีการเบิกยา 3 ตัว รวม 62 ขวด เป็นการเบิก ใน 2 กรณี คือ เบิกเองและเบิกแทนแม่
สปสช.เร่งตรวจสอบ แม่พาลูกตระเวนรพ.รักษาภูมิแพ้ ก่อนนำมาขายต่อในออนไลน์
อัปเดตโรคและภัย เตือนบางโรคระบาดหนักหน้าหนาว ด้านโนโรไวรัส ทั้งปีพบ 85 เหตุการณ์

แต่เฉพาะยา Avamys เบิกไป 28 ขวด โดยพบว่ามีการเลือกเบิกกับแผนกฉุกเฉินนอกเวลาราชการ ซึ่งขณะนี้ได้ให้ สปสช.เขต 9 ตรวจสอบรายละเอียดอยู่ แต่เบื้องต้นได้ให้ไปลงบันทึกประจำวันกับตำรวจไว้แล้วเพื่อเป็นหลักฐานในการดำเนินคดี สปสช. ยอมรับว่าบางพื้นที่ข้อมูลการจ่ายยาไม่ตรงกัน
นอกจากนี้จากการของ สปสช. พบมีการตรวจสอบในระบบการเบิกจ่ายยาดังกล่าวในปี 67 มี 2 ราย เข้าข่ายต้องสงสัย
- กรณีที่ 1 พบเบิกไป 318 ขวด จากการไปพบแพทย์ จำนวน 118 ครั้ง จากโรงพยาบาล 31 แห่ง
- กรณีที่ 2 เบิกไป 147 ขวด จากการไปพบแพทย์ 98 ครั้ง จากโรงพยาบาล 14 แห่ง
โดยกรณีที่ 2 นี้ เนื่องจากมีข้อมูลเกี่ยวกับเด็ก ทำให้ทราบชื่อและข้อมูลหมดแล้ว สปสช.กำลังตรวจสอบรายละเอียด
นพ.จเด็จ ยอมรับเคยมีผู้ป่วยตระเวนขอยาจริง แพทย์คงเห็นว่าคนไข้มารับยาก็ให้ไป ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ที่ระบบออนไลน์ไม่เชื่อมกัน ทำให้ไม่ทราบว่าบุคคลเหล่านี้รับยาไปแล้ว ยืนยันจะเอาผิดทางกฎหมาย โดยที่ผ่านมาเคยดำเนินคดีฐานฉ้อโกงไปแล้ว 3 ราย ซึ่งยาดังกล่าว เป็นยาพ่นวันละ 3 ครั้ง 1 ขวดใช้ได้ 2 เดือน เท่ากับ 1 คนต่อปี ใช้ 6 ขวดก็เพียงพอแล้ว